Primare A35.8 - Review
Primare เป็นผู้ผลิตสัญชาติสวีเดนก่อตั้งบริษัทในปี 1980 และในปี 1986 ก็ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวแรกของบริษัทออกมา
และหลังจากนั้นก็เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆมาเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องเสียงที่เน้นในด้าน 2 channels และถือเป็นเครื่องเสียงที่ให้กลิ่นอายของ Scandinavian แบบจริงจัง
ในปี 2022 นี้ทาง Primare ได้หันมาผลิต Power Amp ที่เป็น Multi Channels Amp ที่เอาไปใช้ในระบบ Home Theater เพราะการดูหนังและฟังเพลงนั้นเป็นอะไรที่ใกล้เคียงและแยกกันไม่ออก หากจะมีผู้ผลิตใดสักรายที่บอกว่าผลิตภัณฑ์ของเขานั้นใช้ดูหนังดีอย่างเดียว แต่ฟังเพลงไม่ได้นะ
หรือเครื่องใดที่บอกว่าของเขาฟังเพลงดีมากนะ แต่ดูหนังไม่ดีเอาเสียเลยก็คงจะอยู่ลำบาก
วันนี้เครื่องที่อยู่ตรงหน้าของเราเป็น Power Amp Multi Channel รุ่นเรือธงตัวใหญ่ที่สุดที่เขาผลิตออกมา มีชื่อรุ่นว่า A35.8
Spec ของ A35.8 เป็น Power Amp ที่มีกำลังขับ 150 Watt x 8 ch (8 ohm)
แต่ตัวมันสามารถ Bridge เป็น Power Amp 300 Watt x 4 ch (8 ohm) ได้โดยตัวเครื่องมีสวิทซ์และวิธีบอกในการต่ออยู่ที่ด้านหลังของเครื่องซึ่งเข้าใจง่ายและสามารถทำตามได้โดยไม่ต้องเปิด Manual ใดๆ
ให้ Signal to Noise Ration > 115 dB
น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 15 KG วางจำหน่ายโดยมีสองสีคือ สีเงินและสีดำ
ให้ช่องต่อมาครบครันทั้ง RCA และ XLR ซึ่ง Gain ของตัวเครื่องนั้น XLR จะน้อยกว่า RCA ซึ่งแปลว่าหากต่อ XLR เราจะต้องหมุน Volume มากกว่าปกติและมากกว่า RCA (Gain RCA 26dB, XLR 20dB)
และตัวเครื่องใช้สายไฟแบบ 20 Amp ไม่ใช่แบบ 15 Amp ทั่วไปแบบสายไฟปกติแบบของบ้านเรา
ในส่วนของตัวเครื่องนั้นหลังจากแกะกล่องออกมาพบว่างานประกอบนั้นสวยงามและดูปราณีตบรรจงมากตามสไตล์ของผู้ผลิตเครื่องเสียง 2 ch และได้รับการใส่ใจในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ กล่อง และตัวถังที่ออกแบบปุ่มเปิดปิดเป็นรูปโลโก้ของแบรนดัวเอง และมีการกัดร่องผิวตัวเครื่องด้านบนเป็นโลโก้ และด้านหลังนั้นออกแบบช่องต่อมาครบครันและดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากๆ
งานประกอบภายในได้รับการออกแบบเป็นแบบ Module ทั้งหมด 4 Module แต่ละ Module ทำงานแยกกัน 2 ch ต่อโมดูลหนึ่งตัว และแยกภาค input / output stage ออกจากกันเพื่อลด noise ที่อาจจะเกิดขึ้นในระบบ
ตัว A35.8 ประกอบไปด้วยช่องต่อลำโพงทั้ง 8 ch
และช่องต่อ XLR, RCA และสวิทซ์สำหรับเปลี่ยนจาก XLR เป็น RCA
และรวมถึงสวิทซ์ที่ใช้เลือก Mode จากขับปกติ เป็น Bridge และเปลี่ยนจาก Bridge เป็น Bridge +6dB (เป็นโหมด Bridge แต่เพิ่มความดังสำหรับลำโพงที่ต้องเร่ง volume เยอะๆ)
ภายในตัวเครื่องได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันและดูดีมาก ซึ่งส่วนใหญ่งานประกอบแบบนี้ ตัวถังแบบนี้ และภายในแบบนี้เราก็จะเจอในเครื่อง 2 ch Hi-End เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าใครที่มาจากสาย Home Theater ผมเชื่อว่าคงตื่นตาตื่นใจและเป็นอาหารตาชั้นดีได้ไม่ยากครับ เพราะตัวเครื่องนั้นเรียบร้อย สวยงาม ปราณีตบรรจงจริงๆ
ตัวเครื่องมีการออกแบบ Output เป็น Class D จึงให้น้ำหนักของตัวเครื่องหนักเพียง 15 KG และในรุ่น 2 ch ก็หนักเพียง 10 KG
ผมทดลองต่อฟังทั้งแบบ 2 ch กับลำโพง Klipsch La Scala AL5 และต่อแบบ Bridge เพื่อเพิ่มกำลัง และลองต่อในการใช้งาน Home Theater กับ Pre-Processor Storm Audio ISP 24 MK2
เพื่อไม่ให้เยิ่นเย้อ ผลการฟังนั้นผมสรุปสั้นๆได้ดังนี้
การฟังในรูปแบบ 2 CH
ต้องยอมรับตรงๆว่านี้เป็น Amp 2 CH ที่ฟังเพลงดีมากตัวนึง หรือให้พูดจริงๆก็คือตัวผลิตภัณฑ์หรือตัว Knowhow ของบริษัทนั้นเขาผลิตออกมาเป็นแอมป์ 2 CH ตั้งแต่แรก แต่เอามาปรับเปลี่ยนเป็นแอมป์ Multi CH ซึ่งคุณภาพเสียงที่ได้มันก็คือแอมป์ฟังเพลงดีๆนี่เองครับ ผมลองต่อฟังแค่สองแชนแนล ทีส่วนแชลแนลที่เหลือปล่อยทิ้งไว้ไม่มีโหลดใดๆ
ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าตกใจ เพราะเสียงเปิด สะอาด ชัดเจน ไม่มีความขุ่นมัว ซึ่งสำนักรีวิวของฝรั่ง อย่าง Stereophile, (US, April, 2022) ก็ได้รีวิวแอมป์ใน series เดียวกันอย่าง A35.2 เอาไว้ในลิสท์ของ Stereophile Class A Recommended ว่า "crisp and super-clear"
ภายหลังจากนั้นผมลองสลับไปต่อแบบ Bridge และย้ายขั้วลำโพงไปต่อคล่อมกัน และย้ายสาย XLR ไปต่อที่แชนแนลที่ 2 แทน (ตามวิธีที่เขาบอกให้ต่อ เขาจะโยง Diagram ไว้ที่ด้านหลังของแอมป์เลย เราแค่ทำตาม)
ตรงนี้ผลลัพธ์ออกมาเราจะได้กำลังขับที่ 300 Watt x8 ch ซึ่งวัดจริงๆจะพีคอยู่ที่ 4 x 375 watts ด้วยซ้ำ ซึ่งแปลว่านี่เป็นแอมป์ที่ให้กำลังเพียงพอที่จะนำมาขับลำโพง Home Theater โหดๆได้แทบทุกตัวบนโลกนี้แล้วครับ
ซึ่งการใช้งานเราสามารถออกแบบได้ว่าเราจะ Bridge กี่แชนแนล และใช้งานปกติกี่แชนแนล เช่น เราอาจจะ Bridge ใช้งานในการขับ LCR ซึ่งจะใช้จำนวนแชนแนลไปทั้งสิ้น 6 แชนแนล และเหลือว่างอีกสองแชนแนล เราสามารถนำที่เหลือมาต่อใช้งานแบบปกติเพื่อขับ Surround อีกสอง แชนแนลได้ (5.1 System) หรือเราอาจจะ Bridge แค่สองแชนแนล นั่นคือใช้จำนวนแชนแนลไป 4 แชนแนล ที่เหลืออีกสี่แชนแนลสามารถนำไปต่อลำโพงตัวอื่นๆได้ตามที่เราต้องการหรือ Customize เอาเองได้ครับ
ผลลัพธ์ในการฟังแบบ Bridge ที่ให้กำลัง 300 Watt Per Channel นั้นด้วยลำโพงและ Environment / Acoustic ห้องฟังของเราเองนั้น ผมพบว่าการฟังด้วยการต่อแบบปกติที่ให้กำลัง 150 watt นั้นให้ผลลัพธ์ที่ Crystal Clear ใส สะอาด และกระชับฉับไวกว่า
ในขณะเดียวกันการฟังแบบ Bridge ที่ให้กำลังเยอะกว่าสองเท่านั้นให้เนื้อเสียงที่ Warm และอุ่นหนากว่ามาก รวมถึงความถี่ต่ำที่ได้ก็มีมวลที่มากกว่า ซึ่งตัวลำโพงของเราที่ไม่ได้ Require กำลังขับมากมายขนาดนั้น (ลำโพง Sensitivity 100 dB) จึงทำให้เนื้อเสียงหนาอิ่ม Warm แต่รายละเอียดนั้นด้อยกว่าการฟังแบบต่อปกติ (การฟังและผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับซิสเต็มและลำโพง และ Acoustic ห้องฟังของแต่ละห้อง)
ส่วนตัวเราประทับใจการฟัง 2 CH ในรูปแบบการต่อปกติมากกว่าครับ ให้ผลลัพธ์ที่ดี เสียงเปิดโปร่ง ชัด สะอาด กลางแหลมลากยาวใส และสะอาดมาก
เป็นจุดนึงที่ทำให้เราคิดว่า จริงๆแล้วนี่มันเป็นแอมป์ 2 CH นี่แหละ แต่ถูกนำมา Customize ทำงานเป็นแอมป์ Multi CH ชั้นดีที่ให้เสียงสะอาด โปร่งและน่าจะถูกใจคนที่ฟัง 2 CH ได้ไม่ยาก
ในส่วนตัวผมมีความเห็นว่าใน 2 CH นั้น ของถูกไม่มีดี และของดีก็ไม่ถูก และในขณะเดียววันของไม่ถูกก็อาจจะไม่ดีสมราคาเพราะเรื่อง Matching และห้องก็ได้ครับ ที่ผ่านมาผมทดลองเปลี่ยนแอมป์ (2 CH ) ที่ใช้ขับลำโพง Horn (La Scala) มามากมายหลายตัว ซึ่งพบว่แอมป์แต่ละตัวที่นำมาต่อก็ให้เสียงที่แตกต่างออกไปและมีจุดเด่นแตกต่างกันมาก ซึ่ง Primare ก็เป็นอีกตัวนึงที่ผมนำมาลองแล้วชอบมากกว่าแอมป์แพงๆอีกหลายตัว (ส่วนตัวผมคิดว่ามันแมทกันดี ลงตัว) ซึ่งเอาจริงๆเราไม่มีวันรู้ได้เลยว่าแอมป์แบรนด์นี้จะให้เสียงอย่างไรเมื่อแมทกับลำโพงเราจนกว่าจะได้ลองฟังในห้อง กับลำโพงและซิสเต็มเราจริงๆ และลำพังแอมปแพงๆยี่ห้อดังๆก็ไม่ได้การันตีว่าเสียงมันจะแมทกับของที่เรามี หรือระบบเราหรือเปล่า
ดังนั้นโลกของการเล่น 2 ch มันจึงเป็นความสนุกที่ได้ค้นหา บางทีแบรนด์ Underdog ที่เราไม่คุ้นชื่อ กลับให้เสียงที่ประทับใจกว่าแอมป์ดังๆมากก็เป็นได้ครับ
การฟังในรูปแบบ Home Theater
ผมทดสอบย้าย A35.8 มาต่อในรูปแบบ Home Theater ในระบบ 9.4.6 โดยต่อ Power Amp A35.8 เข้ากับแชนแนลหลักๆ ผ่าน Pre-Processor Storm ISP24 MK2 และทดสอบฟังด้วยไฟล์เทสที่เราคุ้นเคยและฟังบ่อย
ผลลัพธ์ที่ได้นั้นไม่ผิดเพี้ยนไปจากที่เราคาดไว้เท่าไร่ นั่นคือ
1. เราต้องเร่ง Gain Volume ของ Storm ขึ้นไปเยอะกว่าปกติระดับนึงตามสเปกของ Power Primare ที่ให้ Gain XLR ไว้ต่ำกว่าปกติ
2. เนื้อเสียงในการฟัง Home Theater นั้นให้คุณภาพในการฟังแทบจะเป็นการนำแอมป์ 2 ch ดีๆสักตัวมาใช้ในระบบ นั่นคือเสียงมีความสงบ สะอาด และให้โทนเสียง Warm หนาขึ้น ราบเรียบติดไปทางอุ่น ไม่เจี๊ยวจ๊าว ไม่พุ่งสด ไม่จัดจ้านมีสากเสี้ยนดุดันในแบบ Amp Multi CH คงเหลือไว้แต่เนื้อเสียงที่ฟังง่าย ไดนามิคที่ได้ไม่พรุ่งพล่านกระแทกจนคนดูรู้สึกว่าฟังยาก แต่ให้ไดนามิคติดไปทางนุ่มเรียบ และสงบเสงี่ยมและสะอาด) ซึ่งเนื้อเสียงในลักษณะนี้ทางผู้ผลิตคงไม่ได้คาดหวังว่าจะนำไปตอบสนองระบบ HT ที่เน้นดุดันพลุ่งพล่าน ดุเดือดหูชา แต่กลับมุ่งเน้นระบบ Multi Ch ที่ใช้งานในรูปแบบทั้งการฟังเพลง ดูคอนเสริต์ และการดูหนังแบบ Surround ควบคู่กันไป
โดยที่วัตถุประสงค์หลักนั้น ไม่ใช่การดูหนังแบบดุเดือด แต่กลับเป็นความเป็นดนตรีที่ต้องมีทั้งในการฟังเพลง และการดูหนังที่ฟังง่าย ดูได้นาน ไม่ล้าหู
ซึ่งคุณลักษณะของเสียงในรูปแบบนี้จึงเหมาะกับซิสเต็ม Hi-end ที่เน้นความเป็นดนตรีสูงเป็นพิเศษ และต้องการ Feature การทำงานของ Power Amp ที่ยืดหยุ่นในการต่อลำโพง Home Theater และต้องให้กำลังมหาศาลเท่าที่ลำโพง Home Theater คุณภาพสูงหลายตัวต้องการได้ครบถ้วนด้วยครับ
ซึ่งเราจะเห็นว่าคุณลักษณะเช่นนี้ของการดูหนังและฟังเพลง แม้ดูเผินๆจะเกือบเหมือนเป็นเรื่องที่คู่กัน แยกกันไม่ออก เพราะคนที่ซื้อระบบคุณภาพสูงเช่นนี้ก็ย่อมต้องการใช้มันทั้งฟังเพลงและดูหนังควบคู่กันไป
แต่ในความเป็นจริงนั้นคุณลักษณะของเสียงที่ดีของทั้งการฟังเพลงและดูหนังนั้น จริงๆแล้วแทบจะเป็นเส้นขนาน เพราะคุรลักษณะเสียงที่ดีของการดูหนัง และคุณลักษณะที่ดีของการฟังเพลงนั้นแทบจะเป็นของตรงกันข้าม
การที่จะมีซิสเต็มฟังเพลงที่ดี และดูหนังที่ดุดันด้วย
หรือการที่จะมีซิสเต็มดูหนังที่สุดยอด และการฟังเพลงที่พริ้วไหวด้วย ก็แทบจะเป็นไปไมได้ เราจึงเห็นนักเล่นที่แสวงหาความเป็นที่สุดทั้งสองด้านนั้น จึงจำเป็นต้องแยกซิสเต็มออกจากกัน และะใช้อุปกรณ์เครื่องเคราที่แตกต่างกันออกไป
หลายคนคงส่ายหน้าว่า ระบบผมทำได้ หรือบางคนยกมือว่าระบบผมไงที่ฟังเพลงก็ดี ดูหนังก็เยี่ยม ซึ่งมันก็มีและทำได้ แต่ส่วนใหญ่ที่ผมพบเจอมักจะเป็นซิสเต็มที่ท่านเจ้าของนั้นรักในด้านใดด้านหนึ่งไปเลย เช่น มีระบบ 2 ch ที่เพราะดีอยู่แล้ว และสร้างระบบ HT ที่ดูหนังให้เสียงนุุ่มนวลในแบบ 2 ch
ซึ่งถ้าคุณมี Requirement เช่นนี้ ผมยืนยันว่า Primare สามารถตอบโจทย์คุณได้แบบ 100%
แต่ทว่าหากโจทย์ของคุณคือต้องการหา Power Amp ที่ให้เสียงดุเดือด เลือดพล่าน ดุดัน เร่าใจ ฟังแล้วดิบเถื่อน ลูกปืนกระทุ้งกระแทกหูแบบไม่ประนีประนอมหูคนฟัง แบบนี้อาจจะไม่ใช่ทางของแอมป์ตัวนี้ครับ
เพราะแนวเสียงแบบ Scandinavian Style นั้นก็ชัดเจนและตรงไปตรงมาอยู่แล้วว่าโดดเด่นด้านใด
ข้อดี
1. ความเป็นดนตรีสูง เหมาะกับนักเล่นที่ต้องการระบบ HT ที่ฟังง่าย มีความเป็นดนตรี เนื้อเสียง warm อิ่ม หนา ฟังสบายเป็นหลัก
2. สามารถบริดจ์ให้กำลัง 300 watt x4 ซึ่งรองรับลำโพงโหดๆได้
3. งานประกอบดีเยี่ยม สวยงาม
ข้อเสีย
1. ฐานวางเป็นแบบ 3 ขา เวลาใช้งานบน rack หรือวางกับพื้นตรงใช้ความระมัดระวังในการเอามือไปท้าวด้านหลังเครื่องเพราะด้านหลังมันจะพลิกได้ครับ
2. ใช้สายไฟแบบ 20 Amp
สรุปสุดท้าย
นี่อาจเป็นแอมป์ที่ให้เสียงเหมาะกับนักฟัง 2ch และ HT ที่ใส่ใจในความเป็นดนตรีมากเป็นพิเศษ
เขาว่ากันว่า อยากรู้เครื่องเสียงแบรนดืไหนเสียงอย่างไรก็ให้ดูผู้ผลิต คำกล่าวนี้ก็ไม่ได้เกินเลยเท่าไร่ หากแต่ในความเป็นจริงนั้น แนวเสียงของเครื่องเสียงใดๆนั้นย่อมถูกกำหนดกว้างๆออกมาได้สองข้อก็คือ
1. ราคาจำหน่าย
ของถูกไม่มีดี และของดีไม่มีคำว่าถูก ส่วนของแพงนั้นอาจจะดีหรือไม่ดีไม่แมทชิ่งก็ได้
2. เสียงดี คำนี้ผมเคยเขียนถึงหลายครั้งว่า ผู้ผลิตทุกคนย่อมอยากจะทำเครื่องที่เสียงดีด้วยกันทั้งนั้น แต่คำว่าเสียงดีของแต่ละค่าย เสียงดีของแต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกัน ภายใต้บริบท แนวการฟัง ภูมิประเทศ และข้อจำกัดต่างๆ เช่น
เสียงดีของไทยก็อาจจะต้องมีเนื้อมีหนัง ช้าๆอวบๆหน่อยเพื่อรองรับการฟังเพลงสไตล์ไทยๆที่เน้น Vocal และลูกทุ่ง
เสียงดีของฮ่องกง พี่จีนก็เน้นกลางแหลมชัดๆ ลำโพงตัวไม่ใหญ่ ฟังหวานๆ (พื้นที่จำกัด) เสียงดีของ American Style ก็ต้องตัวเบิ้มๆ ไดนามิครุนแรง ชัดเจนจะแจ้ง
เสียงดีของฝั่งอังกฤษหรือ Scandinavia Style ก็จะเน้นโทนัลบาล้าน เด่น Image Soundstage ฟังหวานก็ได้ ฟังช้าก็ดี แต่อาจจะฟังหนักหน่วงสู้ฝั่งอเมริกันไม่ไหว
ซึ่งที่ผ่านมา ผู้ผลิตที่มีพื้นเพมาทาง 2 Channel หรือฟังเพลงมาก่อนนั้น เมื่อมาทำเครื่องเสียง Home Theater ก็มักจะมีบุคลิคคำว่าเสียงดีส่วนใหญ่ (99.99%) ที่เจอมาก็คือมักจะให้บุคลิคเสียงที่ติดไปทางฟังเพลงดีเกือบทั้งนั้น โดยเฉพาะรายละเอียด และน้ำเสียงที่มีความสำรวมไม่กระโฉกโฮกฮาก ไม่ดุดันเฟี้ยวฟ้าวจัดจ้านกัดหูจนเกินไป กลางแหลมสวยๆ กลางต่ำที่ไม่กระแทกกระทั้นและไม่เก็บตัวเร็ว แต่ลงลึกและแผ่นิดๆมีมวลลงพื้น ปกคลุมขึ้นมาย่านกลางแหลมเอาใจคอ 2 ch และ Primer ที่อยู่ตรงหน้าเราก็เป็นเช่นนั้น ทุกกระเบียดนิ้ว
นั่นก็เป็นเพราะว่า คำว่าเสียงดีของแต่ละค่าย แต่ละคนนั้นแตกต่างกัน
เสียงดีของ American อาจจะเป็นนักเลงหนุ่ม หุ่นเพียว ปากหมา พกปืนไว้ข้างกาย ดุดัน โหดร้าย พร้อมประชันหน้ากับทุกสรรพสิ่ง ไดนามิค กลางแหลมไม่ประนีประนอม จะแจ้ง ตรงไปตรงมาเปิดเผยทุกสิ่ง พร้อมจะแอคชั่นตลอดเวลา อาจจะเป็นที่ถูกใจของสาววัยรุ่นที่ชอบความตื่นเต้นเร้าใจ ชอบนั่งรถไปในยามค่ำคืน เปิดเพลงดังๆ และทิ้งภาระและโลกเอาไว้เบื้องหลังโดยไม่สนใจว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
เสียงดีของ Canada ก็อาจจะเป็นพ่อหนุ่มวันกลาง พ่อบ้านขึ้นมาหน่อย ลงพุงนิดหน่อยๆ อวบๆหน่อยๆ ทำงานหาเลี้ยงที่บ้าน แต่ใส่สนับมือพร้อมจะซัดหากมีปัญหากับเขา และในบ้านก็มีปืนให้กลับไปเอาได้หากเพลี้ยงพล้ำ
ในขณะที่ชีวิตประจำวันก็เรียบง่าย ไม่หาเรื่องใคร ใช้ชีวิตตามปกติของปถุชนคนธรรมดาที่เน้นฟังง่าย อวบอิ่ม ไม่จัดจ้าน แต่เข้าถึงง่าย และเป็นที่รักของสาวๆวันทำงานหรือสูงวัยหน่อยเกือบทุกคนเพราะพ่อหนุ่มคนนี้ได้ทั้งบุ๊นและบู๋ แม้จะไม่สุดไปในทางบุ๋นเหมือน 2 ch แท้ๆ และทางบู๋ก็ไม่ได้จัดจ้านแซ่บซี้ดจนรู้สึกชีวิตโดนกระชากขึ้นรถไฟเหาะก็ตามที
และแน่นอน Primare ที่อยู่ตรงหน้าเรานั้นแนวเสียงไม่ได้ทำใหเ้เราผิดหวังและผิดคาดไปจากมโนจินตนาการเท่าไร่นัก เพราะเมื่อเหลือบมองสเปก ค่าตัว และบริษัทผู้ผลิตแล้ว Primare นั้นจัดเป็นแอมป์ สายบุ๋นแบบเต็มๆตัว
แนวเสียงที่ได้นั้นไม่มีคำว่า Surprise ใดๆ เพราะเสียงที่ได้เป็นเสียงจาก Multi Channel Power amp ที่เน้นความเป็นผู้ดี สุขุม ฟังสบายหู ให้ไดนามิคแรงปะทะ และความจัดจ้านในระดับที่ฟังแล้วสบายใจ สบายหู เรียบง่ายๆ ฟังได้นาน ไม่ล้าหู
ด้วยสเปกที่ใช้ Amp Class D จึงทำให้น้ำหนักตัวนั้นเบาไม่ต้องแบกเครื่อง 30-50 กิโลแบบแอมป์ทั่วไปที่มักเลือกใช้เทอรอยด์อันแสนหนักอึ้ง
และด้วยสไตล์เสียงของ Amp Class D บนเครื่องเสียงบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนเครื่องเสียงที่แทบจะเรียกว่าเป็น Hi-End แบบนี้ส่วนใหญ่ที่เราฟังมาแทบทุกแบรนด์นั้น จะไม่ได้เน้นไปที่แหลมที่จัดจ้านเฟี้ยวฟ้าว แต่เป็นแหลมที่สุภาพ กริ้งกริ้ง และฟังง่าย ฟังสบายหู ในขณะที่กลางต่ำเป็นกลางต่ำที่มีมวล ไม่เก็บตัวเร็ว แต่ฟังสบายนั่นเองครับ