ทดลองอ่าน - มายาพิศวาส - จินตวีร์ วิวัธน์

Page 1


มายาพิศวาส

จินตวีร์ วิวัธน์ : เขียน ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๗๗๓๕-๗๔-๐ พิมพ์ครั้งที่ ๑ : สำ�นักพิมพ์กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๐ หมวดนวนิยาย ลำ�ดับที่ ๗๔

จัดพิมพ์โดย สำ�นักพิมพ์ กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง ในเครือบริษัท กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง จำ�กัด เลขที่ ๒๙/๑๐๖ วิสต้า อเวนิว วัชรพล แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพฯ ๑๐๒๒๐ โทรศัพท์ : ๐๘๕-๖๖๕-๕๔๒๒ โทรสาร : ๐-๒๑๕๓-๐๕๐๐ อีเมล : groove_publishing@hotmail.com เว็บไซต์ : www.groovebooks.com, http://www.facebook.com/groovepublishing บรรณาธิการที่ปรึกษา : นายแพทย์พงศกร จินดาวัฒนะ บรรณาธิการสำ�นักพิมพ์ : อรรถรัตน์ จันทรวรินทร์ ประสานงานการผลิต : สุลวัณ จันทรวรินทร์ พิสูจน์อักษร : กฤษดา ศิริกิจพาณิชย์กูล ออกแบบปก : ชลดา จิรวัฒนานุกูล รูปเล่ม : บริษัท พี. วาทิน พับลิเคชั่น จำ�กัด พิมพ์ที่ : บริษัท พี. วาทินพรินติ้ง จำ�กัด ๙๒/๕ หมู่ ๘ ซ.เสนาสฤษด์เดช ถ.กรุงเทพ-นนท์ อ.เมือง นนทบุรี ๑๑๐๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๙๖๕-๐๑๐๐ จัดจำ�หน่ายโดย : บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำ�กัด ๑๐๘ หมู่ที่ ๒ ถ.บางกรวย - จงถนอม ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ๑๑๑๓๐ โทรศัพท์ ๐-๒๔๒๓-๙๙๙๙ โทรสาร ๐-๒๔๔๙-๙๒๒๒, ๐-๒๔๔๙-๙๕๐๐-๖ Homepage: http://www.naiin.com ราคา : ๔๙๐ บาท 2

จินตวีร์ วิวัธน์


มายาพิศวาส

3


คำ�นำ�สำ�นักพิมพ์ มายาพิศวาส เป็นนวนิยายแนวโกธิคอีกเรื่องหนึ่งของ ‘จินตวีร์ วิวัธน์’ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักและชื่นชอบของนักอ่าน นับตั้งแต่ ตอนที่ลงตีพิมพ์อย่างต่อเนื่องในนิตยสารบางกอก ในช่วงประมาณปี พ.ศ.๒๕๒๔-๒๕๒๕ ด้วยความที่พล็อตเรื่องแปลกใหม่ ผสมผสานกลิ่น อายลึกลับอันเป็นลายเซ็นเฉพาะตัวของจินตวีร์ วิวัธน์ จึงไม่น่าแปลกใจที่ แฟนนักอ่านจำ�นวนมากจะเขียนจดหมายมาคุยกับบรรณาธิการเพื่อบอก ว่า เมื่อได้รับบางกอกมาจะต้องเปิดอ่านมายาพิศวาสเป็นเรื่องแรก ก่อน จะพลิกไปอ่านเรื่องอื่น ต่อมานวนิยายเรือ่ งนี้ ได้รบั การนำ�เสนอในรูปแบบละครโทรทัศน์ถงึ ๒ ครั้ง คือในปี พ.ศ.๒๕๒๗ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง ๓ ซึ่งใช้ชื่อว่า ‘สาป อสูร’ และอีกครั้งในปี พ.ศ.๒๕๕๐ ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง ๕ ซึ่งครั้งหลังนี้ใช้ชื่อละครว่า ‘มายาพิศวาส’ ตามชื่อของนวนิยาย โดยทั้ง

4

จินตวีร์ วิวัธน์


สองครั้งนับได้ว่าเป็นละครที่ประสบความสำ�เร็จและได้รับเสียงตอบรับ จากผู้ชมเป็นจำ�นวนมาก ความโดดเด่นของมายาพิศวาสคือการที่จินตวีร์ วิวัธน์ ได้นำ�เอา ปกรณัมของกรีก มาผสมผสานเข้ากับเรื่องราวแบบไทยๆ ได้อย่างแนบ เนียน เราจะได้เรียนรู้เรื่องราวในตำ�นานกรีกไปพร้อมๆ กับความลึกลับ ที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็ติดตามเอาใจช่วยตัวละครเอกให้ปลอดภัยจาก อันตรายที่มองไม่เห็น สำ�นักพิมพ์ กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้นำ�มายา พิศวาสกลับมานำ�เสนอแก่สายตาท่านผู้อ่านอีกครั้งครับ ...ขอเชิญท่านร่วมผจญภัยไปกับกรพินธุ์และประสบการณ์ตื่นเต้น ที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล...

ด้วยจิตคารวะ นพ.พงศกร จินดาวัฒนะ บรรณาธิการที่ปรึกษา สำ�นักพิมพ์ กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง ในเครือบริษัท กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง จำ�กัด

มายาพิศวาส

5


๑ สายฝนที่ซัดกระหน�่ำพรั่งพรูลงมาอย่างรุนแรงนั้นเสมือน ท้องฟ้ารั่วโดยฉับพลัน ทุกหนทุกแห่งปกคลุมด้วยความมืดประหนึ่งอยู่ ใจกลางก้นนรก แม้แสงที่สาดส่องจากดวงไฟคู่หน้ารถจะทอดตรงไปตาม พื้นทางข้างหน้า แต่สองข้างถนนรกเรื้อเปล่าเปลี่ยวที่ยานกลางเก่ากลาง ใหม่นั้นแล่นผ่านไป ก็มดื ทึบทะมึนอย่างน่าสะพรึงกลัว ไม้ยืนต้นใหญ่โตตระหง่านด�ำตะคุ่มระเกะระกะมองผาดๆ เสมือน รูปผีปศี าจรูปทรงวิปริตออกมาตัง้ แถวคอยต้อนรับอาคันตุกะผูห้ าญบุกเข้า มาเยือนถึงถิ่นของมันในยามวิกาล มองออกไปนอกหน้าต่างรถ เห็นสายฝนที่พร่างพรูจากฟ้า ละม้าย ม่านแพรผืนใหญ่พลิ้วพร่างจากฟากฟ้าลงปิดกั้นหนทางไว้มิให้มนุษย์ ปุถุชนผ่านไปได้ง่ายๆ “ไอ้ห่ะ” บุรุษหนุ่มผู้น่งั ตามล�ำพังหลังพวงมาลัยรถพึมพ�ำอย่างหัว เสีย “ฝนบ้าฝนบออะไรยังงี้วะ เกิดมาไม่เคยเห็น นึกจะตกก็เทจั้กๆ ลง มายังกะฟ้ารั่ว ยังไม่ถงึ หน้าร้อนด้วยซ�้ำไป” เขาล้วงกระเป๋าเสื้อ ดึงบุหรี่จากซองออกมาคาบหมิ่นๆ ที่มุมปาก แล้วควักไลต์เตอร์ออกจุด แสงไฟสะบัดวูบส่องให้เห็นดวงหน้าของเขา ถนัดถนี่ มายาพิศวาส

7


เป็นบุรุษหนุ่มมาก คะเนอายุยังไม่เกินวัยรุ่นด้วยซ�้ำไป ทว่า บน ใบหน้าอันอ่อนเยาว์น้นั มีเค้าเข้มแข็งบึกบึนเกินวัยฉายชัดอยู่ เขาอัดควัน บุหรี่ นัยน์ตาทอดมองไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง นึกเดือดดาลไปหมด ทุกอย่าง โดยเฉพาะดินฟ้าอากาศทีท่ �ำให้ไม่อาจขับขีพ่ าหนะรวดเร็วได้ดงั ใจ ‘ถ้าฝนบ้าไม่เสือกตก ป่านนีก้ ถ็ งึ แล้ว’ เขานึก เพ่งนัยน์ตาไปยังถนน ขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อเบือ้ งหน้า คราวนีแ้ ววไม่แน่ใจฉายขึน้ ในดวงตาแวบ หนึง่ ‘ถนนไม่ดเี ลย แก้วบอกไปว่าหนทางดีพอใช้ได้ แต่นม่ี นั บรมห่วยขนาด หนัก...หรือว่าเรามาผิดทาง?’ คิ้วด�ำยาวของเขาขมวดเข้าชิดกันเมื่อนึกถึงตรงนี้ เกิดความไม่ สบายใจขึ้นทันที เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาขับรถมะงุมมะงาหรามาในเส้น ทางที่ไม่เคยรู้จักมักคุ้นมาก่อนเลย เพียงจดหมายใจความกระท่อนกระแท่นของใจแก้ว คนรักผู้กลับ มาเยี่ยมบ้านเกิดในจังหวัดนี้ ก็เพียงพอแล้วที่ท�ำให้บกุ บั่นมาเพื่อพบหน้า หล่อน ในจดหมายนั้นบอกว่า ใจแก้วก�ำลังตกอยู่ในอันตรายมืดที่ไม่รู้ว่า เป็นอะไร หากหล่อนมีอันเป็นไปในทางร้าย ก็ขอให้เขาหาทางช่วยเหลือ ด้วย เด็กหนุ่มตัดสินใจเดินทางทันทีทอี่ ่านจดหมายจบ เพียงเพือ่ มาพบ ว่า เขาเองนั่นแหละก�ำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างยิ่ง โดยเฉพาะใน เวลานี้... โดยไม่ทันรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไร ร่างของเขาก็กระตุกโครมตาม จังหวะเสียการทรงตัวของรถ ล้อหลังข้างซ้ายตกลึกลงไปในหล่มที่ไม่ทัน สังเกตเห็นเสียแล้ว เด็กหนุ่มสบถออกมาดังๆ เร่งความเร็วของรถเต็มที่ทั้งๆ ที่รู้ดีว่า การกระท�ำเช่นนั้นจะท�ำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก ซึ่งก็เป็นความจริง ล้อรถข้างนั้นหมุนติ้ว และจมลึกลงไปในปลัก โคลนหนักกว่าเดิม ในทีส่ ดุ มันก็นงิ่ สนิท เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าปฏิเสธที่ 8

จินตวีร์ วิวัธน์


จะเคลื่อนไหวอีกต่อไปจนกว่าจะมีสิ่งอื่นซึ่งพลังแรงเหนือกว่ามาฉุดลาก ขึ้นจากหล่มลึกนั้น “ท�ำยังไงล่ะวะ ทีนี้?” เขาถามตัวเองอย่างเดือดดาลพลุ่งพล่าน สายฝนข้างนอกยังคงหนาเหมือนม่านแพรขาวเช่นเดิม ตามติดด้วย เสียงกระหึม่ ครึมครางของฟ้าค�ำรนสนัน่ หวัน่ ไหว และแสงแปลบปลาบจน แสบตาของอสุนีบาตที่น่าพรั่นพรึง “จอดนอนมันตรงนีแ้ หละวะ” เขาพึมพ�ำกับตัวเองอีก แต่แล้วก็ถอน ใจยาว เมื่อมองดูสภาพภายในรถขณะนั้น น�ำ้ ฝนเริม่ ซึมเข้ามาตามขอบตะเข็บต่อของชิน้ โลหะตรงกระจกหน้า และหน้าต่าง พร้อมกับความหนาวเย็นเยือกเริ่มแผ่ซ่านเข้ามาทีละน้อย “ไอ้รถห่ะ!” เขาด่าความเก่าของยานคู่ยากเหมือนไม่รู้จะท�ำอะไร ดีไปกว่านัน้ “จะท�ำไงดีโว้ย แถวนีไ้ ม่มบี า้ นช่องห้องหอให้อาศัยซักกะหลัง” ดูเหมือนฟ้าดินจะตอบค�ำถามเขา ในฉับพลันทันใด ฟ้าแลบอีก แปลบ ยาวเหยียดและสว่างเจิดจ้าพอจะมองเห็นสิ่งรอบด้านได้ถนัด แต่ เพียงพริบตาทุกแห่งก็กลับมืดมิดตามเดิม ทว่า ในพริบตาเดียวก่อนแสงฟ้าจะดับลงนั่นเอง เด็กหนุ่มทันเห็น อะไรอย่างหนึ่งอยู่ถัดไปข้างหน้า มีเนินเตีย้ อยูล่ กู หนึง่ ห่างจากถนนเข้าไปในดงไม้รกเรือ้ กระนัน้ แสง สว่างจากตอนบนของอะไรบางอย่างลักษณะคล้ายหอสูง ก็มองเห็นได้ ก่อนที่แสงอสุนีบาตจะดับลง “เอ๊ะ! มีบ้านคนอยู่เหมือนกันแฮะ” เขาอุทานลั่น เบิกตากว้างจ้อง มองไปยังจุดที่เห็นแสงไฟเขม็ง ความมืดเหมือนนรกไม่ชว่ ยให้เห็นอะไรอีกเลย เขาเปิดช่องเก็บของ ในรถ ควานมือเข้าไปในนั้น และล้วงไฟฉายขนาดเล็กออกมา “เพี้ยง! ฟ้าแลบอีกทีเถอะน่า ขอเห็นให้ชัดๆ หน่อย” เขาภาวนา แล้วก็เกือบสะดุง้ เมือ่ แสงขาวเจิดจ้าแลบแปลบขึน้ ทันทีทนั ใด คราว นี้แสงไฟสว่างจากอาคารบางอย่างสูงเด่นอยู่เหนือเนินรกเรื้อนั้นมองเห็น มายาพิศวาส

9


ชัดเจนไม่มที ี่สงสัยอีกต่อไป “ดีละ ไปขอพักซักคืน แค่ซุกหัวหลบฝนเท่านั้น เขาคงไม่ว่าอะไร หรอกน่ะ” เด็กหนุม่ บอกตัวเองอย่างตัดสินใจเด็ดขาด เอีย้ วตัวไปทางเบาะ หลัง ฉวยร่มเก่าๆ มาถือ ตั้งท่า แล้วเปิดประตูก้าวลงไปทันที ฝนเทซ่าลงบนล�ำตัวเหมือนน�ำ้ จากปลายกระบอกฉีดมหึมา ปรากฏ ว่า มันตกหนักหน่วง รุนแรงกว่าคิดมากนัก หนุ่มน้อยหดคอลง พยายาม ให้ร่างกายทุกส่วนซ่อนอยู่ใต้ร่มเก่าๆ คันนั้น ความหนาวเยือกเย็นจับใจ ท�ำให้เขาไม่อาจคิดอะไรได้อกี มากนัก ออกวิ่งเต็มฝีเท้าบุกเข้าไปในพงรกเรื้อข้างทาง มุ่งหน้าสู่เนินหลัง หมู่ไม้โปร่งที่เห็นตะคุ่มด้วยความเร็วที่ตนเองก็พิศวง ระยะทางดูห่างไกลกว่าที่ประมาณด้วยสายตาจนเขานึกสาปแช่ง ตัวเองที่ผลีผลามออกจากที่หลบฝนในรถมาสู่ความไม่แน่นอนของสภาพ อันเลวร้ายภายนอก “ไม่ใช่ภาพลวงตาแน่ๆ แสงไฟจากบ้านจริงๆ” เขายืนยันกับตัวเองให้เกิดความมั่นใจขณะที่เท้าวิ่งตะบึงหัวซุก หัวซุนขึ้นเนินไปอย่างไม่คดิ ชีวิต ไฟฉายดวงน้อยที่ถือมา ไม่ช่วยอะไรได้เลยในความมืดเหมือนสี หมึกรอบด้าน ในที่สุดก็บรรลุถงึ ยอดเนินนั้น รู้สกึ ใจมาเป็นกองเมือ่ มองตรงไปข้างหน้า เห็นอาคารบางอย่างสูง ชะลูดตะคุ่มอยู่ห่างออกไป พร้อมกับแสงไฟเรืองรองออกมาจากหน้าต่าง ชั้นบน “อื้อฮือ! บ้านใครวะ ยังกะประภาคาร” เด็กหนุ่มยังมีแก่ใจคิด เปรียบเทียบขณะที่เท้าวิ่งตรงไปที่นั่น โดยสมองยังไม่ทันสั่งด้วยซ�้ำ รู้สึกว่าระยะทางช่างห่างไกลเหลือเกินกว่าจะไปถึง เขาไม่มโี อกาสพิจารณามากนัก รูแ้ ต่วา่ ชายคาทีย่ นื่ ล�ำ้ ออกมาจาก ตัวอาคารมากช่วยก�ำบังฝนได้บา้ ง จึงหุบร่ม แนบตัวเข้าไปแทบจะติดบาน 10

จินตวีร์ วิวัธน์


ประตูไม้เก่าคร�่ำคร่ากระด�ำกระด่างที่ปิดสนิทนั้น แล้วยกฝ่ามือตบมันถี่ และแรง “คุณคร้าบ กรุณาเปิดประตูหน่อย ผมหลงทางมาคร้าบ” สุ้มเสียงมีเท่าไร เขาร้องออกไปแข่งกับเสียงฝนที่ดังจั้กๆ รอบด้าน พร้อมกันนัน้ ก็ระดมแรงทัง้ ผลักทัง้ ดันบานประตูเก่าคร�ำ่ คร่า โดยหวังว่ามัน จะเปิดออกด้วยแรงดันของเขา ผิดคาด...ประตูเก่าแก่กลับแน่นหนามั่นคงเกินคาดคิด มันไม่ขยับ แม้แต่น้อยทั้งๆ ที่ชายหนุ่มออกแรงดันเต็มที่ “กรุณาเปิดประตูดว้ ยครับ ผมหลงทางมา” เขาตะโกนอีกพร้อมกับ ตบประตูแรงขึ้น ความคิดบางอย่างผุดวาบเข้ามาในใจ ท�ำให้ฝา่ มือทีเ่ งือ้ จะตบประตู ซ�้ำอีกตกผล็อยลง เขาน่าจะได้คดิ เสียก่อนที่จะตัดสินใจวิ่งลงจากรถมา ในวิกาลอันวิกล ด้วยฝนฟ้าคะนองเช่นนี้ ใครจะกล้าเปิดประตู ต้อนรับคนแปลกหน้าเข้าไปอยูใ่ ต้ชายคาบ้านเดียวกับตน ในเมือ่ โจรผูร้ า้ ย มิจฉาชีพในปัจจุบนั ออกปฏิบตั กิ ารอุกอาจแม้ในยามปกติธรรมดาไม่ใช่คนื วิปริต คนทีก่ ล้าเปิดประตูอนั มัน่ คงออกรับคนแปลกหน้าเห็นจะมีสติอนั ไม่ เป็นปกติเป็นแน่ บุรษุ ผูห้ ลงทางถอนใจยาว ยกแขนขึน้ ปาดน�ำ้ ฝนทีไ่ หลย้อยตรงหาง คิ้ว หันกลับไปมองด้านหลังอย่างท้อแท้ ถ้าเขาพลาดหวังจากทีน่ ี่ ก็ต้องวิง่ ฝ่าสายฝนกลับไปทีร่ ถเป็นระยะ ทางไม่ใกล้เลย และรถนั่นก็จะคุ้มเขาจากฝนและลมได้แค่ไหนก็ไม่รู้ “คุณคร้าบ” เขาตัดสินใจเรียกอีก คิดว่าจะเรียกเป็นครั้งสุดท้าย หากไม่ได้รบั ค�ำตอบก็จะต้องกลับไปที่รถตามเดิม ทุกสิ่งทุกอย่างคงเงียบกริบอยู่เหมือนเดิม แสดงว่าผู้อยู่ในบ้านไม่ ต้องการต้อนรับแน่นอน ชายหนุ่มถอนใจอีกครั้ง หันหลังกลับ พร้อมกับกางร่มเก่าๆ คันนั้น ออก ตั้งท่าทะมัดทะแมงก่อนที่จะวิ่งฝ่าออกไป ภายใต้สายน�้ำจากฟ้าที่ มายาพิศวาส

11


ตกหนักอย่างไม่ลมื หูลืมตา แต่แล้ว อะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นทางเบื้องหลังท�ำให้เขาชะงักเท้า ทันที มีเสียงคล้ายกลอนถูกดึงออกจากที่ของมัน แม้จะเบา แต่ประสาท อันตื่นตัวของบุรุษหนุ่มก็ได้ยนิ ถนัด เขาหันขวับไปทันที นัยน์ตาเบิกกว้าง ขึ้นเล็กน้อยเมื่อมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เสียงดังแอ๊ดยาวๆ บาดเข้าไปในความรูส้ กึ ขณะทีบ่ านประตูไม้หนา หนักและเก่าแก่คร�่ำคร่า ค่อยๆ เปิดออกอย่างแช่มช้าและยากเย็น เสียง บานพับอันฝืดเหมือนไม่เคยได้เปิดมานานครัน ฟังน่าเสียวสันหลังใน บรรยากาศอันทึบทะมึนเช่นนี้ แต่เขาไม่มที างเลือก บานประตูเปิดออกแล้ว เจ้าของบ้านยินดีรับเขาเข้าไปใต้ชายคา เขาจะเมินเฉยต่อความอารีนี้ได้อย่างไร “ขอบคุณครับ” เด็กหนุม่ ตะโกนเข้าไปดังๆ ก่อนขยับกายตรงไปยัง บานประตู มันเปิดแง้มเข้าไปเพียงครึ่งเดียวแล้วก็หยุดนิ่งค้างอยู่เช่นนั้นเอง มองเข้าไปข้างใน เห็นความมืดสนิทเหมือนก้นขวดหมึก เต็มไป ด้วยความลี้ลับอันน่าพรั่นพรึงอย่างบอกไม่ถูก ชายฉกรรจ์รู้สึกหนาวเยือกกว่ายามเผชิญกับสายฝนกระหน�่ำเสีย อีก เมือ่ มองเข้าไปในความมืดเบือ้ งหลังบานประตูนนั้ แต่คนอย่างเขาหรือ จะยอมให้ความกลัวอันปราศจากเหตุผลมาขัดขวางความตั้งใจ จึงก้าว เข้าไปอีกก้าวหนึ่ง แทรกตัวเข้าไปเบื้องหลังบานประตูทันที มองไม่เห็นอะไรเลยในความมืดสนิทเช่นนั้น “สวัสดีครับ ผมเข้ามาแล้ว” บุรษุ ยามวิกาลร้องออกไป คราวนีเ้ สียง ค่อยกว่าเดิม และสุภาพอ่อนโยนอย่างน่าฟัง ความเงียบอันเป็นปริศนาคือสิ่งที่ได้รับตอบมา “มีใครอยูบ่ า้ งไหมครับ มืดเหลือเกิน” เขาถามออกไปอีก พยายาม ใช้สายตาให้เป็นประโยชน์เต็มที่ แต่เพ่งจนปวดตาผลก็คงเหมือนเดิม คือ 12 จินตวีร์ วิวัธน์


ไม่เห็นอะไรเลย... จากที่ใดที่หนึ่งในความมืดนั้น เขาคิดว่าได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบา เยื้องย่างเคลื่อนไหวอย่างแช่มช้า เสียงแพรผืนใหญ่ส่ายเสียดสีกัน กลิ่น หอมละไมท่ามกลางบรรยากาศอับๆ ของห้องบ่งบอกว่า ผู้ที่เคลื่อนไหว อยู่นั้นเป็นสตรี “เอ้อ มืดเหลือเกิน ผมมองไม่เห็นคุณเลยครับ ขอโทษ...” เขาส่ง เสียงออกไปอีก เสียงเคลื่อนไหวดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ตามมาด้วยเสียงกุกกัก เหมือนคนก�ำลังท�ำอะไรอยู่ในความมืด และแล้ว เด็กหนุ่มแทบจะร้องออกมาด้วยความยินดี ที่แสงไฟดวง น้อยฉายเรืองรองขึ้นในความมืดของห้อง เป็นแสงตะเกียง เปลวลุกวอมแวมของมันมองดูน่าเปลี่ยวใจในความมืดสนิท แต่ เมือ่ เจ้าของไขไส้ให้สงู ขึน้ แสงนัน้ ก็ชว่ ยให้ชายหนุม่ ผูเ้ บิง่ ตาจ้องมองเต็มที่ สามารถเห็นอะไรได้บ้าง เขาจ้องดูร่างที่ถือตะเกียงไม่วางตา เป็นร่างของสตรี หล่อนสวม เสื้อผ้าอาภรณ์คล้ายชุดนอนที่ดูรุ่มร่ามรุงรัง ชายกระโปรงยาวระพื้น และ นี่เองคือที่มาของเสียงแพรส่ายเมื่อตะกี้ ทรวดทรงองค์เอวถูกผ้าอันมาก เกินความจ�ำเป็นบดบังจนไม่เห็นรูปร่างแท้จริง เขามองไม่เห็นหน้าหล่อน เพราะก้มต�่ำจนคางชิดอก มิหน�ำซ�้ำบน ศีรษะยังมีผ้าแพรอีกผืนคลุมโดยรอบอ้อมใต้คางพาดไหล่ข้างหนึ่งปล่อย ชายลงไปด้านหลังยาวเฟื้อย ถ้าหล่อนไม่ใช่คนขี้หนาว ก็คงขี้กลัวอย่าง แรง กลัวคนเห็นหน้า! เพราะลักษณะทีค่ ลุมศีรษะมิดชิดเช่นนัน้ เหมือนมีเจตนาไม่ให้ใคร เห็นหน้าชัดเจน บุรุษในยามวิกาลฝืนยิ้ม กล่าวเสียงสุภาพเช่นเดิม “ผมต้องขออภัยครับที่มาตบประตูรบกวนคุณในยามดึกดื่นค่อน คืนอย่างนี้ รถของผมตกหล่มอยู่บนถนนข้างล่างครับ แถมฝนยังรั่วเข้าใน มายาพิศวาส

13


รถได้ด้วย ผมเห็นแสงไฟจากบ้านนี้ก็เลยตัดสินใจวิ่งมาขออาศัยหลบฝน ชั่วคราว” ร่างปกปิดมิดชิดยืนนิง่ เหมือนรูปปัน้ ใบหน้าก้มงุดอยูเ่ ช่นนัน้ ไม่ยอม เงย ท�ำเหมือนไม่ได้ยนิ เสียงของชายหนุ่มแม้แต่น้อย อีกฝ่ายนั้นลอบถอนใจอย่างหนักอกแต่ก็พูดต่อไป “ผมไม่ขอรบกวนมากหรอกครับ ขอเพียงแต่หลบฝนอยูต่ รงนีแ้ หละ พอฝนซาผมจะออกไปที่รถครับ” ร่างนัน้ ยืนนิง่ เหมือนรูปสลักเช่นเดิม แล้วมือทีถ่ อื ตะเกียงก็ขยับเล็ก น้อย แสงตะเกียงไหววูบ ดูเหมือนหล่อนยื่นตะเกียงออกห่างตัว ขณะที่ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆ ชายหนุม่ จ้องมองดูอย่างไม่หายใจหายคอ รูส้ กึ ผิดหวังเล็กน้อยเมือ่ ดวงหน้าทีก่ �ำลังจะเงยขึน้ นัน้ บังอยูใ่ นเงามืดเบือ้ งหลังตะเกียงทีย่ นื่ ออกมา สุดแขนแล้วในขณะนี้ “ผมไม่รบกวนคุณมากไปกว่านี้ละครับ” รู้สึกหนาวเยือกในใจโดยไม่มีเหตุผล อยากจะหันหลังออกไปจาก ที่นั้นเสียโดยเร็ว เพื่อให้พ้นมนุษย์ประหลาดที่ท�ำอะไรไม่น่าดูอยู่ขณะนี้ สังหรณ์อย่างหนึง่ ผุดขึน้ มา ท�ำให้เย็นวาบไปตลอดไขสันหลัง บางที เจ้าหล่อนคนนีอ้ าจไม่ใช่คนปกติธรรมดาเสียละกระมัง หล่อนเป็นอะไรแน่? ผี? คนบ้า?... น่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า...เขานึกในใจที่เริ่มเต้นระทึก อย่างช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ดวงหน้านั้นเงยขึ้นเต็มที่แล้ว มองไม่เห็นถนัดในตอนแรก แต่เมือ่ มือเรียวยาวขาวซีดทีถ่ อื ตะเกียง ขยับเข้าไปใกล้ดวงหน้าตนเองอีกนิด คราวนี้ผู้มาเยือนมองเห็นดวงหน้า ของหล่อนเต็มตา ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นกับชายหนุ่มนั้นน่าประหลาดพอๆ กับร่างสตรี เจ้าของบ้าน เพราะเขาพลันนิง่ ขึงอยูใ่ นท่าเดิมเหมือนกลายเป็นหินไปโดย ฉับพลันทันด่วน นัยน์ตาเบิกกว้างพองโปนแทบหลุดออกมานอกเบ้า ปาก 14

จินตวีร์ วิวัธน์


อ้ากว้างโดยปราศจากสุ้มเสียง ใบหน้าเกร็งเขม็งกลายเป็นสีเขียวคล�้ำไป ทั้งหน้าอย่างน่าพรั่นพรึง มันเป็นใบหน้าคนทีไ่ ด้รบั ความตกใจกลัวอย่างสุดขีด! กลัวจนช็อก ขยับเขยื้อนอิริยาบถไม่ได้เลยแม้แต่น้อย สายลมพัดวูบหนึ่งเข้ามาทางช่องประตูที่เปิดแง้มอยู่ ร่างสตรีใน ความมืดลดตะเกียงที่ยกส่องใบหน้าตัวเองลง ใช้อกี มือป้องแสงวอมแวม นั้นไว้ ความมืดจึงเข้ามาบดบังหล่อนอีก ครั้นแล้ว สตรีเจ้าของบ้านก็ยกตะเกียงขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ไขไส้ให้ สูงพอทีจ่ ะส่องแสงสว่างเรืองรองกว่าเดิม มองเห็นร่างทีย่ นื ประจันอยูเ่ บือ้ ง หน้าหล่อนค่อนข้างชัด น่าประหลาดมหัศจรรย์สุดพรรณนา ร่างแข็งทื่อด้วยความตกใจ ของเด็กหนุ่มแปลกหน้าหายไปจากที่อย่างน่าพิศวงที่สุด สิ่งซึ่งมาแทนที่ เขา ณ จุดที่ชายหนุ่มเคยยืนจังงังเหมือนหยกๆ มานี้ คือ ก้อนหินสีเทา นวลออกขาวขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง…!

มายาพิศวาส

15


๒ จี๊ปวิลลี่สีขาวขะมุกขะมอมด้วยฝุ่นทั้งคันแล่นโขยกไปจอด หน้าอ�ำเภอเล็กๆ แห่งนั้น บุรุษผู้น่งั หลังพวงมาลัยหันไปบอกกับหญิงสาว ที่นั่งข้างเคียง “นี่ไงอ�ำเภอ ถึงแล้ว” พูดจบก็กระโดดลงอย่างรวดเร็ว เดินอ้อมไป ยังทีน่ งั่ ของฝ่ายหญิงเพือ่ เปิดประตูรถให้ แต่เจ้าหล่อนว่องไวกว่า กระโดด ลงมายืนข้างล่างเสียก่อนที่ชายหนุ่มจะทันเดินไปถึง หล่อนเหลียวมองรอบๆ ตัว ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาพากันมองดู เป็นตาเดียว รูปร่างหน้าตาของหญิงสาวก็สมแล้วทีจ่ ะมีคนมองจนเหลียว หลัง เรือนร่างของหล่อนบางระหงค่อนข้างสูง แต่ได้ส่วนสัดงดงามมอง เห็นถนัดในชุดกางเกงยีนส์ และเสื้อยืดสลับสี มีเสื้อผ้ายีนอีกตัวพาดแขน อย่างเก๋ ใบหน้าอันปราศจากเครือ่ งส�ำอางแม้แต่ลปิ สติกนัน้ ผุดผ่องเกลีย้ ง เกลา ประกอบด้วยเครื่องหน้าที่เหมาะเจาะรับกันกลมกลืนไม่มีที่ติ เป็น ใบหน้ารูปไข่ท่งี ามสมบูรณ์แบบเหมือนรูปวาด ความร้อนจากแดดยามสายบ่มให้ผวิ หน้าอ่อนใสนัน้ แดงระเรือ่ โดย เฉพาะแก้มอันเปล่งปลั่ง และริมฝีปากโค้งงามเหมือนกระจับคู่นั้นแดงฉ�่ำ น่าดูนกั หญิงสาวยิ้มให้สายตาของหญิงวัยกลางคน ๒-๓ คนที่เดินผ่านมา 16

จินตวีร์ วิวัธน์


และจ้องมองดูหล่อนอย่างเพ่งพิศ จากนั้นก็หันไปยังเพื่อนร่วมทาง “ขึ้นไปซิคะ จักร จะรออะไรอยู่อกี ” “รอคุณน่ะแหละ” ชายหนุ่มตอบทันที “น�ำหน้าซี ก้อย คุณรู้จักท่านปลัดดีนี่ ไอ้ผมน่ะเป็นแค่คนขับรถมา ให้เท่านั้น” หญิงสาวไม่ตอบว่ากระไร หันหลังเดินฉับๆ ขึน้ บันไดไปโดยเร็ว ชาย หนุ่มเจ้าของชื่อจักรก็ตามติดไปเหมือนเงา หล่อนหยุดที่โต๊ะเสมียนซึ่งอยู่หน้าเพื่อน เอ่ยถามเสียงใส “ขอพบปลัดคารมค่ะ อยู่ไหมคะ?” เสมียนหนุม่ เงยขึน้ มองผูถ้ ามในอาการ ‘ตาค้าง’ กลืนน�ำ้ ลายแล้วตอบ “อยู่ครับ ท่านนั่งข้างใน คุณชื่ออะไรล่ะครับ ผมจะได้เข้าไปบอก” “ช่วยเรียนว่า กรพินธุ์ กุฎาภรณ์ มาจากกรุงเทพค่ะ” เสมียนหนุ่มยิ้มแป้น ลุกขึ้นเดินตัวปลิวหายเข้าไปในห้องทางด้าน หลังโต๊ะท�ำงานที่ต้งั เรียงรายเป็นแถว ครู่ต่อมาก็เดินออกมาใหม่ โดยมีชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบสีกากี เดินตามมาด้วยความรวดเร็ว “น้องก้อย” เสียงเขาอุทานลั่นอ�ำเภอ เล่นเอาใครต่อใครบนนั้นหัน มามองเป็นตาเดียว แต่ปลัดหนุม่ ไม่สนใจ กรากเข้าไปหาหญิงสาว รับไหว้ หล่อนแล้วทักทายเสียงดังเหมือนเดิม “ไปยังไงมายังไงนี่ ก้อย จูๆ่ ก็มาถึงนีไ่ ม่สง่ ข่าวคราวก่อนเลย เข้าไป นั่งในห้องดีกว่า แหมเกือบตกใจนะนี่ ไม่คาดฝันว่าก้อยจะมาที่นี่” หญิงสาวหัวเราะเจื้อยแจ้ว “ท�ำไมคะ ที่นี่ทุรกันดารจนพี่รมไม่คิด ว่าจะมีใครบุกมาหาถึงที่งั้นเหรอ?” ปลัดคารมยิม้ กว้างขวาง “ก็งนั้ น่ะซิ พีเ่ องมาถึงวันแรกแทบลมจับ... ในตัวอ�ำเภอไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่รอบๆ นี่ซิ ป่าดงกับเทือกเขาสูงทั้งน้าน เสียวสันหลังวาบๆ กลัวเสือจะออกมาคาบไปหม�่ำ” ผู้ฟังทัง้ สองหัวเราะ กรพินธุ์เดินตามปลัดอ�ำเภอหนุ่มพลางแนะน�ำ มายาพิศวาส

17


“พี่รมคะ นี่คือ จักร สุรวุธ เพื่อนของก้อยเองค่ะ ก้อยขอให้เขาขับ รถมาส่ง” คารมรับไหว้ชายหนุ่มรุ่นน้อง ยิ้มให้อย่างใจดี พร้อมกับเปิดประตู ห้องท�ำงาน หนุ่มสาวผู้มาจากกรุงเทพฯ เดินไปนัง่ บนเก้าอีห้ น้าโต๊ะท�ำงานของ เขา แล้วฝ่ายหญิงก็ถามขึ้น “ก้อยมารบกวนเวลาของพีร่ มหรือเปล่าคะ? แต่วันนี้รู้สกึ ว่าอ�ำเภอ เงียบเหงานะคะ ไม่ค่อยมีคนขึ้น” ปลัดหนุ่มนั่งลงหลังโต๊ะท�ำงานพลางตอบ “ก็เพิ่งวันนี้แหละที่คน น้อย วันอื่นๆ คนแน่นตึงเลย ตั้งแต่พ่มี ารับงานได้เกือบเดือนนี่ไม่เคยมีวัน ไหนที่อ�ำเภอว่างอย่างวันนี้เลย” “งัน้ ก้อยก็โชคดีนะ่ ซีคะ ทีม่ าเจอพีร่ มงานน้อยพอดี มีเรือ่ งจะรบกวน ค่ะ ก้อยไม่ทราบจะพึ่งใครเลยแน่บมาหาพี่รม” “เอาเลย ก้อยมีอะไรจะให้พี่รับใช้ก็บอกมาไม่ต้องเกรงใจ...เอ้อ กุสุมาเขารู้หรือเปล่าว่าก้อยมาหาพี่?” เขาหมายถึงภริยาสาว ซึ่งท�ำงานอยู่กรุงเทพฯ และเป็นญาติลูกพี่ ลูกน้องของกรพินธุ์ “ทราบค่ะ ก้อยไปชวนพีก่ มุ าด้วยแต่ไม่ว่าง พีก่ งุ านเยอะ ไม่มเี วลา ส่งจดหมายมาบอกพี่รมล่วงหน้า ก้อยเลยบุกเดี่ยวมาเอง เพราะเห็นว่า เป็นญาติของปลัดอ�ำเภอคงไม่มใี ครมาแหย็มท�ำให้เดือดร้อน” ปลัดหนุ่มหัวเราะเบาๆ แล้วพูดติดต่อกันไป “เอ้า ว่าไปเลย ก้อย มีธุระอะไรจะให้พี่ช่วยก็บอกมา ยินดีรับใช้ เต็มฟามสามารถ” กรพินธุ์หัวเราะอีก จักรเพื่อนหนุ่มของหล่อนก็พลอยหัวเราะตาม นึกพอใจท่าทางครึกครื้นของปลัดหนุ่มหนวดจิ๋มคนนี้มาก แต่เมื่อเปิดปากพูด สีหน้ายิ้มแย้มของหญิงสาวจางลง มีแวววิตก กังวลฉายเข้ามาจางๆ 18

จินตวีร์ วิวัธน์


“ก้อยมาตามกิ่งน่ะค่ะ พี่รม เขามาที่นี่เมื่อสองอาทิตย์ก่อน แล้ว หายไปเลย ไม่ส่งข่าวคราว ก้อยเป็นห่วงจะแย่ ไม่รู้จะท�ำยังไงดีกว่ามา ตามด้วยตัวเอง” ปลัดหนุม่ เบิกตากว้าง “ฮ้า! ตากิง่ มาทีน่ เี่ รอะ? ท�ำไมไม่แวะมาหาพี่?” “อ้าว! กิ่งไม่ได้มาหาพี่รมหรือคะ...” หญิงสาวถามอย่างร้อนใจ สีหน้าบอกความฉงนฉงาย “ก้อยสั่งแล้วสั่งอีก ว่าให้มาหาพี่รมก่อนจะไปบ้านคู่รกั ของเขา ตา กิ่งแย่มาก พี่กุก็ฝากของกินมาให้พี่รมด้วยนะคะ ท�ำไมตากิ่งเหลวไหล ยังงี้ก็ไม่รู้” “เดีย๋ วก่อนก้อย กิง่ มาทีอ่ �ำเภอนีเ้ ลย หรือว่ามาแค่ตวั จังหวัด ตากิง่ อาจขี้เกียจแวะมาก็ได้ เพราะที่นี่มันไกลปืนเที่ยง” “มาทีน่ แี่ น่ๆ ค่ะ พีร่ ม เพราะคูร่ กั ของเขาอยูท่ อี่ �ำเภอนี้ ความจริงทีน่ ี่ ก็ไม่ใช่จะไกลปืนเทีย่ งอะไรนักหนา เจริญกว่าหลายๆ อ�ำเภอทีก่ อ้ ยเคยเห็น ด้วยซ�ำ้ แต่สภาพแวดล้อมมันเป็นป่าดง ทึบมากไปหน่อยเท่านัน้ แหละ” “กิ่งมาได้ก่วี ันแล้วนะ?” “สองอาทิตย์แล้วค่ะ ก้อยชักกลุม้ ใจ ตามปกติตากิง่ เป็นคนรักบ้าน มักไม่จากไปไหนนานๆ โดยไม่จ�ำเป็น ก้อยพยายามสอบถามตามบ้าน เพือ่ นๆ ของใจแก้ว คนรักของเขาน่ะค่ะ แต่ไม่มใี ครได้ข่าวคราวคนทัง้ สอง เลย ใจแก้วไม่มญ ี าติอยู่กรุงเทพ มีแต่เพื่อนค่ะ” “เอ ท่าจะไม่ใช่เรื่องเล็กเสียแล้วละ ก้อย...” คารมพูดขรึมๆ สีหน้า ท่าทางสนุกสนานช่างเล่นหายไป ขณะซักหญิงสาวอย่างเอาจริง เขารู้จักคุ้นเคยกับสองพี่น้องก�ำพร้าพ่อแม่คู่นี้ดี และรู้ด้วยว่า กวินทร์ กุฎาภรณ์ น้องชายวัยรุ่นของสตรีผู้นั่งอยู่ตรงหน้าเดี๋ยวนี้ เป็นเด็ก ดีเพียงใด “ไหนก้อยลองเล่าให้ละเอียดซิ เริ่มตั้งแต่ต้นเลยนะ” “ค่ะ พี่รม...” กรพินธุ์รับค�ำ นิ่งไปนิดหนึ่งเหมือนทบทวนความจ�ำ แล้วลงมือเล่าอย่างรวดเร็ว มายาพิศวาส

19


“คือยังงีค้ ะ่ ตากิง่ ได้รบั จดหมายจากแฟนของเขาทีม่ าเยีย่ มบ้านใน อ�ำเภอนี้แหละ ตอนแรกก้อยไม่เห็นจดหมายหรอกค่ะ แต่ตากิ่งกระหืด กระหอบขออนุญาตเอารถมาที่นี่เพื่อเยี่ยมใจแก้ว ทั้งพี่กุและก้อยก็สั่งให้ เขามาหาพี่รมให้ได้ เขาก็รับค�ำเป็นมั่นเป็นเหมาะค่ะ เอารถเฟียตเก่าแก่ ของเราขับมาเอง เขารับปากก้อยว่าจะมาอย่างมากก็ ๓ วัน พอพบหน้า ใจแก้ว และรูเ้ รือ่ งดีแล้วก็จะรีบกลับ ถ้ามีเหตุขดั ข้องท�ำให้ตอ้ งกลับช้ากว่า นี้ เขาจะรีบโทรเลขไปบอกไม่ให้ก้อยและพี่กุเป็นห่วง แต่ดูเถอะค่ะ เขา หายต๋อมไปเลย ๑๔ วันเต็มๆ แล้วค่ะ ก้อยไม่เห็นทางไหนดีกว่าออกมา ตามเอง ขอให้จกั รขับรถมาให้ ถ้าพบกิ่งก็จะลากตัวกลับไปด้วยกันเลย” “กิ่งบอกว่าจะมาที่อ�ำเภอนี้เลยใช่ไหมจ๊ะ ไม่ได้แวะเวียนที่อื่น?” ปลัดอ�ำเภอถาม หน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างครุ่นคิด “ค่ะ เขาเป็นห่วงแฟนออกจะแย่บ่นแล้วบ่นอีกว่า ใจแก้วจะ เดือดร้อนแค่ไหนก็ไม่รู้ ตอนแรกก้อยก็ไม่สนใจจดหมายของใจแก้วหรอก ค่ะ พี่รม แต่พอตากิ่งหายมาหลายวันเข้า ก้อยเลยไปค้นจดหมายอ่าน ก็ รู้สึกว่าเรื่องมันมักจะไม่เข้าท่าเสียแล้ว” “ท�ำไม?” คารมถามทันที หญิงสาวไม่ตอบ ก้มลงเปิดกระเป๋าถือ ควานมือลงไปในนั้น เมื่อ ชักขึน้ มาก็มซี องจดหมายสีฟา้ ยับยูย่ ตี่ ดิ มือขึน้ มาด้วย หล่อนยืน่ ส่งให้ผสู้ งู วัยกว่า แล้วพูดกระตือรือร้น “พี่รมอ่านเองเถอะค่ะ แล้วจะทราบว่า เรื่องมันไม่ชอบมาพากล เอาเลย” จักรมองดูจดหมายฉบับนั้น แล้วพูดกับหญิงสาวเหมือนต่อว่า “ก้อยไม่เห็นเล่าเรื่องจดหมายให้ผมฟังเลย” “ก็จกั รไม่ถามนีค่ ะ จักรท�ำท่าไม่สนใจไยดีเลยทีต่ ากิง่ หายไปทัง้ คน ก้อยก็ไม่อยากกวนใจ แต่ขอแรงขับรถให้น่กี ็บุญคุณเหลือแหล่แล้วละ” “ประชดผมหรือนี่?” ชายหนุ่มถามยิ้มๆ แต่มองดูสตรีที่เขาพึงใจ อย่างตรวจตรา 20 จินตวีร์ วิวัธน์


เขาหวั่นไหวต่อความรู้สึกของหล่อนมาก สิ่งใดที่กรพินธุ์ไม่พอใจ เขาจะรูส้ กึ เป็นทุกข์เป็นร้อนอย่างยิง่ แต่นสิ ยั เรือ่ ยเฉือ่ ยกับความทีไ่ ม่สนใจ คนอื่น ท�ำให้เขาเมินเฉยต่อการหายตัวของกวินทร์ น้องชายคนเดียวของ คนรักอย่างไม่น่าเป็นไปได้ กรพินธุย์ มิ้ เล็กน้อย “โธ่ ใครจะประชดผูม้ บี ญ ุ คุณได้ลงคอคะ? จักร อย่าเพ่อตัดพ้อต่อว่าตอนนี้เลยกวนสมาธิพี่รม” ปลัดอ�ำเภอหนวดงาม ล้วงกระดาษสีขาวมอมแมมออกจากซอง นั้น คลี่ออกอ่านอย่างตัง้ ใจ จักร สุรวุธ สังเกตเห็นสีหน้าของเขาเครียดขึ้นทุกขณะที่ตัวอักษร จิ๋วๆ ในนั้นผ่านสายตา จึงเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นบ้าง “เดี๋ยวขอผมอ่านบ้างนะ ก้อย” เขากระซิบกระซาบกับฝ่ายหญิง คารม พิบลู เดช เงยหน้าขึน้ จากจดหมาย แววบางอย่างบนนัน้ ท�ำให้ กรพินธุ์ถามโดยเร็ว “เป็นยังไงคะ พี่รม?” ผู้เป็นญาติเม้มริมฝีปาก นิ่งไปชั่วอึดใจ แล้วตอบเสียงเบาลง “พี่ เห็นว่ามันชอบกลอย่างทีก่ อ้ ยว่าจริงๆ ด้วยซี...รูส้ กึ ว่ามันมาประจวบเหมาะ กันอย่างบังเอิญหรือไงไม่รู้ ในระหว่างนี้ ที่นี่ก็มีเรื่องประหลาดๆ เกิดขึ้น พอดี” “เรื่องอะไรคะ?” สองเสียงถามขึ้นพร้อมๆ กัน ปลัดหนุ่มยกมือขึ้นลูบคาง ตอบช้าๆ อย่างครุ่นคิด “พี่เองก็เพิ่งมาไม่ถึงเดือนนะก้อย ยังไม่รู้อะไรมาก คนที่นี่เขา โจษจันกันว่า เมื่อสักสี่...ห้าเดือนมานี่เอง มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นกับชาว บ้าน ในหมู่บ้านรอบนอกห่างออกไป คืออยู่เฉยๆ คนก็หายไปเฉยๆ ตัง้ แต่ ต้นจนเดี๋ยวนี้ หายไปห้าคนแล้ว มีทั้งผู้ชายผู้หญิง ไม่มีใครได้ร่องรอยอีก เลย ต้องแทงบัญชีสูญ” “ตายจริง...” กรพินธุ์อทุ านเสียงเครือ ดวงหน้าบอกความตระหนก “ท�ำไมคะ ท�ำไมคนถึงหายไปได้?” มายาพิศวาส

21


“พวกเราทัง้ อ�ำเภอ และต�ำรวจก็พากันถามยังงีแ้ หละ ก้อย แต่ไม่มี ใครตอบได้สกั คน ไม่มรี อ่ งรอยการต่อสูห้ รือท�ำร้ายร่างกายกันเลย แต่ละราย หายไปเหมือนถูกธรณีสบู ยังงัน้ แหละ พวกเราพากันปวดกบาลอยูท่ กุ คน” “ตายแล้ว! เผื่อตากิ่งหายไปยังงั้นบ้าง...” หญิงสาวพูดได้เพียงนั้น เสียงก็ขาดหายไปในล�ำคอ เพื่อนหนุ่มที่มาด้วยรีบปลอบ “ท�ำใจดีๆ ไว้น่าก้อย กิ่งของคุณคง ไม่เคราะห์ร้ายอย่างนั้นแน่ๆ เขาเป็นคนต่างถิ่น ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นใน ท�ำนองนัน้ ” แล้วก็หนั ไปทางปลัดคารม ยืน่ มือไปยังซองจดหมายทีว่ างบน โต๊ะพลางมองตาอย่างขออนุญาต ฝ่ายนั้นรีบหยิบส่งให้และว่า “อ่านดูเถอะ คุณ แล้วจะเห็นว่ามัน ประหลาดอยู่” จักรดึงกระดาษสมุดนักเรียนสีขาวมอมแมมออกคลี่ อ่านข้อความ ในนั้นอย่างสนใจใคร่รู้ จดหมายนัน้ สัน้ เพียงไม่กบี่ รรทัดก็จบ แต่ใจความของมันตรึงผูอ้ า่ น ให้นั่งนิ่งอยู่กับที่ด้วยความพิศวง กิ่งที่รัก แก้วมีเรือ่ งแปลกจะเล่าให้ฟงั ทีน่ เี่ กิดเหตุประหลาดอะไร ขึ้นก็ไม่รู้ คนหายไปเป็นว่าเล่น เพื่อนเก่าแก่ของแก้วก็หายไปด้วย ท�ำให้ แก้วกลุม้ มากค่ะ แก้วไปพบอะไรอย่างหนึง่ ทีไ่ ม่ทราบจะบอกเล่าให้ใครฟัง ดี เพราะเขาคงหาว่าบ้า แต่แก้วก็เชือ่ ตนเองว่าไม่ได้ตาฝาดค่ะ มันน่ากลัว และประหลาดเหลือเชือ่ จนแก้วขนลุกขนพองทุกครัง้ ทีน่ กึ ถึง กิง่ มาหาแก้ว หน่อยได้ไหมคะ ไม่มีใครจะช่วยแก้วได้ดีเท่ากิ่งอีกแล้ว เราจะได้ค้นหา ความลับเรื่องนี้ด้วยกัน แต่ถ้าในระหว่างนี้ กิ่งได้ข่าวร้ายว่าแก้วมีอันเป็น ไปอย่างคนอื่นแล้วละก็ ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสิ่งประหลาดเหลือเชื่อที่แก้ว เผอิญไปพบเห็นเข้าน่ะ เป็นตัวการ แต่แก้วคิดว่ามันคงยังไม่ลงมือในตอน นี้หรอกค่ะ มันคงไม่รู้ว่าแก้วแอบเห็นเข้าแล้ว มาเร็วๆ นะคะ แก้ว 22 จินตวีร์ วิวัธน์


ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น มองดูปลัดอ�ำเภอและกรพินธุ์สลับกันไป สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความฉงนสนเท่ห์ระคนไม่เข้าใจ “พีร่ มว่าคุณแก้วเจ้าของจดหมายไปเห็นอะไรเข้าครับ?” เขาถามเบาๆ ปลัดหนวดงามสั่นศีรษะ “เราไม่มที างรู้ได้เลย คุณจักร” กรพินธุ์เบิกตากว้างจ้องมองผู้พูดเขม็ง ถามเสียงดังอย่างลืมตัว “หมายความว่า แก้ว-เอ้อ-มีอันเป็นไปแล้วยังงั้นหรือคะ?” คารมยกมือลูบคาง ตอบอย่างครุ่นคิด “ถ้าการมีอันเป็นไปของ ใจแก้วหมายถึงการเจ็บป่วยกะทันหันละก็ คงใช่ เพราะตอนนี้ เด็กคนนี้ ก�ำลังไม่สบายมาก หมดสติมาหลายวันเต็มทีแล้ว” หญิงสาวชะโงกหน้าเข้าใกล้ ถามรัวเร็ว “ถ้างั้นก็อาจเป็นไปได้ที่ ใจแก้วจะเห็นอะไรน่ากลัวจนหมดสติใช่ไหมคะพี่รม?” ปลัดอ�ำเภอเปลี่ยนจากลูบคางไปเป็นลูบหนวดก่อนตอบ “มันน่า คิดอยู่เหมือนกันนะก้อย พีว่ ่าถ้าก้อยต้องการรู้รายละเอียดเรือ่ งความเจ็บ ป่วยของใจแก้วละก็เราไปหาเธอกันดีกว่า ใจแก้วอยู่กบั ป้าสองคนเท่านั้น ตอนนี้เธอนอนป่วยไม่ได้สติอยู่ที่บ้าน” “อ้าว! ไม่ได้อยู่โรงพยาบาลหรอกหรือคะ” “ครอบครัวของใจแก้วฐานะไม่ดนี กั หรอกก้อย แอฟฟอร์ดค่ารักษา พยาบาลไม่ไหวมั้ง ป่วยมาหลายวันแล้วนี่ เอ๊ะ!” เขาอุทานลัน่ ท�ำหน้าเลิก่ ลัก่ เหมือนนึกอะไรขึน้ มาได้ คว้าจดหมาย ของเด็กสาวทีว่ างแบอยูบ่ นโต๊ะขึน้ คลีด่ โู ดยเร็ว หัวคิว้ ขมวดมุน่ หากันอย่าง ใช้ความคิดหนัก “ตามจดหมายนีล่ งวันที่ ๒ พีจ่ �ำได้แม่นว่า มีคนพบใจแก้วนอนฟุบ หมดสติอยู่ชายป่าในวันที่ ๕ แสดงว่าหลังจากส่งจดหมายนี่ออกไปแล้ว เด็กคนนีก้ ล็ ม้ ป่วยด้วยโรคทีไ่ ม่มใี ครรู.้ ..ตากิง่ ออกจากกรุงเทพวันไหน ก้อย จ�ำได้ไหมจ๊ะ?” “ได้ค่ะ กิ่งออกจากกรุงเทพเช้ามืดวันที่ ๖ ค่ะ พี่รม” มายาพิศวาส 23


ปลัดอ�ำเภอพยักหน้าหงึกๆ “แสดงว่ากิง่ ออกมาหลังจากทีแ่ ฟนของเขาป่วยแล้ว ถ้าเขามาถึงนี่ จริงก็คงไม่ได้พูดคุยกับใจแก้ว เพราะระหว่างนั้น ใจแก้วพูดไม่ได้ ไม่รู้เนื้อ รู้ตัวเลย” กรพินธุ์ถอนใจยาว เต็มไปด้วยความวิตกกังวลไม่สบายใจ “แหม เรือ่ งไปกันใหญ่แล้วนะคะพีร่ ม ก้อยมาตามกิง่ ด้วยความหวัง ว่าต้องพบเขาอยู่กบั แฟนแน่ๆ ไม่นกึ เลยว่าจะมาพบเรื่องราวลี้ลับไม่คาด ฝันเข้ายังงี้...ก้อยร้อนใจจังเลยค่ะ พี่รม กลัวตากิ่งเป็นอะไรไป” “ใจเย็นๆ น่า ก้อย” ผู้อาวุโสกว่าปราม พร้อมกับขยับตัวลุกขึ้น “ไป เราไปด้วยกันเดี๋ยวนี้แหละจะได้รู้เรื่องกันเสียที พี่ก็ชักสนใจ เรื่องนี้มากขึ้นแล้วละ ท่าทางมันชอบกลไปหมด” “ไปไหนคะ พี่รม?” หญิงสาวถาม แต่กล็ ุกขึ้นตามเขาโดยดี “ไปบ้านใจแก้วน่ะซิ ถามป้าของเธอให้รู้ชัดๆ อีกทีว่าอะไรเกิดขึ้น กับหลานสาว” ทั้งสามเดินออกไปนอกห้อง ปลัดอ�ำเภอบอกเสมียนว่า เขาจะไป ธุระสักประเดี๋ยว แล้วก็ขึ้นรถจี๊ปไปกับหนุ่มสาวทั้งสอง “เรื่องคนหายลึกลับนี่ ชาวบ้านเขาท�ำยังไงบ้างครับ พี่รม?” จักร ถามขณะที่มือเท้าท�ำหน้าที่อยู่กับเครื่องยนต์ คารมยักไหล่ “จะไปท�ำอะไรได้ล่ะคุณจักร ต�ำรวจยังท�ำอะไรไม่ได้เลย ชาวบ้าน ก็สวดมนต์ภาวนาไล่ผปี ัดรังควานไปตามเรื่อง” “คงคิดว่าเป็นเรือ่ งไสยศาสตร์หรือผีสางท�ำนองนัน้ นะคะ” กรพินธุ์ เสริมขึ้นเบาๆ “ก็ท�ำนองนัน้ แหละ ชาวบ้านทีน่ เี่ ชือ่ ไสยศาสตร์อย่างฝังจิตฝังใจทุก คนเลย ก้อย แล้วก็...พี่ว่าถ้าใครเป็นนักเขียนนักประพันธ์มาอยู่ที่นี่คงได้ เรื่องดีๆ ไปเขียนอีกเยอะ เพราะหมู่บ้านต่างๆ ในอ�ำเภอของเรานี่มนี ิยาย ปรัมปราเล่าสืบทอดกันมามากมาย ล้วนแต่เรื่องพิลึกกึกกือทั้งนั้น” 24 จินตวีร์ วิวัธน์


“ดีซคี ะ ก้อยชอบ...” หญิงสาวว่า “...บางทีถา้ ตามหากิง่ ไม่พบ ก้อย เห็นจะต้องอาศัยอยู่ท่นี ี่สักพัก นอนที่โรงแรมตัวเมืองนะคะ ไม่มารบกวน พี่รมถึงที่นี่หรอก” ปลัดอ�ำเภอหันไปมองหน้าญาติผู้น้องของเขาอย่างประหลาดใจ “พูดจริงหรือก้อย” “จริงซีคะ ก้อยตั้งใจไว้ตั้งแต่อยู่กรุงเทพแล้ว พี่รมคงไม่ทราบว่า ตอนนี้ก้อยตกงาน ต้องวิจยั ฝุ่นไปเรื่อยๆ ยื่นใบสมัครเข้าท�ำงานบริษัทไว้ แล้ว เขาจะเรียกเดือนพฤษภา ก้อยมีเวลาว่างอีกตั้งสองเดือนเชียวค่ะ” “ถ้ามาจริง พี่ยินดีต้อนรับ ไม่ต้องไปนอนโรงแรมให้เปลืองเงิน หรอกน่ะ มานอนบ้านพักของพี่นี่แหละ ส่วนพี่จะย้ายไปนอนกับเพื่อนที่ อยูใ่ กล้ๆ กัน เมียเขาตาย เจ้านัน่ กลัวผีไม่กล้านอนคนเดียวถ้าพีไ่ ปอยูด่ ว้ ย มันคงดีใจ...ว่าแต่เราอย่าเพ่อคิดในแง่ร้ายเลย ก้อย พี่เชื่อว่าเราอาจได้ วี่แววบางอย่างจากป้าของใจแก้วว่ากิ่งอาจกลับกรุงเทพไปแล้วก็ได้” รถจี๊ปแล่นห่างบริเวณอ�ำเภอไปทุกที จนเข้าเขตทุ่งนาและป่า ละเมาะ ปลัดอ�ำเภอจึงชี้ให้จกั รผู้ท�ำหน้าที่ขับขี่ยานคันนั้นจอดรถลงหน้า เรือนแบบโบราณใต้ถนุ สูงเก่าคร�่ำคร่าหลังหนึ่ง “จอดหน้าบ้านนั่นแหละ ถึงแล้ว” รถเบรกพรืด เล่นเอาทุกคนหัวคะม�ำ แต่กรพินธุ์ใจร้อนเกินกว่าจะ ต่อว่าเพื่อนหนุ่มผู้ขบั หล่อนเปิดประตูกระโดดลงไปอย่างว่องไว สุนขั ตัวไม่โต ๒-๓ ตัววิง่ ออกมาเมียงมอง เห่าขรม ปลัดหนุม่ จุปาก ห้ามแล้วส่งเสียงดังๆ “ป้าสาย อยู่บ้านหรือเปล่าเด๊” เขาท�ำสุ้มเสียงเลียนชาวอีสาน แต่ ไม่เหมือนจึงฟังน่าขันอย่างยิ่ง พลางก็สาวเท้ายาวๆ ไปที่บันไดมองดู รองเท้าผู้ชายซึง่ วางอยู่ข้างโอ่งเล็กส�ำหรับล้างเท้า แล้วหันมาบอกกรพินธุ์ “ท่าทางหมอจะมาตรวจให้แก้วละมัง” ขาดค�ำของเขา ชายคนหนึ่งก็ก้าวลงบันไดมาช้าๆ ปลัดอ�ำเภอร้องทักเสียงดัง “อ้าว! คุณหมอมาเยีย่ มคนไข้แต่วนั เลย มายาพิศวาส 25


นะครับ เห็นรองเท้าก็นึกแล้วว่าต้องใช่คุณหมอแน่ ใจแก้วเป็นยังไงบ้าง ครับ วันนี้?” บุรุษผู้ก้าวลงบันไดยิ้มให้คารม กรพินธุ์ซึ่งยืนห่างออกไปมองดูเขา เต็มตา แล้วนึกวิจารณ์ในใจว่า ‘ท่าทางภูมฐิ านยังงี้ไม่น่าจะเป็นหมอบ้านนอกเล้ย’ บุรุษผู้นั้นร่างสูงตรง ผึ่งผาย และแข็งแรงทั้งที่วัยเลยหนุ่มไปแล้ว คะเนอายุของเขาคงไม่ต�่ำกว่าสามรอบ แต่ผมเผ้าที่หวีแสกซ้ายเรียบสนิท นั้นยังด�ำขลับ ใบหน้าเรียวค่อนข้างซูบ ดูเคร่งขรึมเฉยเมย แต่ก็แฝง ลักษณะบางอย่างที่ชวนให้เพ่งพิศไม่เบื่อ ดวงตาใหญ่ด�ำสนิทเปี่ยมแวว เศร้าและหม่นหมองจนผู้พบเห็นอดนึกไม่ได้ว่า เจ้าของดวงตาคงเต็มไป ด้วยความทุกข์ระคนอันหนักน่าสงสาร เขาตอบปลัดคารม ด้วยเสียงนุม่ ทุม้ น่าฟัง “เหมือนเดิม ไม่ดขี นึ้ เลย” ดวงตาด�ำสนิทเศร้าสร้อยคู่นั้นมองเลยมาทางคนทั้งสองที่ยืนอยู่ ข้างหลังปลัดหนุ่ม ประสานตากับกรพินธุ์อย่างจัง อากัปกิริยาของฝ่ายนายแพทย์ ท�ำให้หญิงสาวเกือบตะลึง สีหน้า เคร่งขรึมของเขาเปลี่ยนไปทันที มันแดงเรื่อขึ้นพร้อมกับแววตื่นเต้นระคน ตระหนกและผิดคาด นัยน์ตาเบิกกว้างเพ่งจ้องหญิงสาวชาวกรุงเขม็ง กรพินธุ์คดิ ว่า นอกจากแววตื่นเต้นพิศวงงงงันแล้ว ดวงตาคู่น้นั ยัง ฉายแววตระหนกให้เห็นชัดเจนอีกด้วย เขาตกใจกลัวหล่อนกระนั้นหรือ? หญิงสาวครุ่นคิดพิศวง ขณะ มองประสานตาตอบเขาแน่วแน่ นายแพทย์ผงะไปข้างหลังเล็กน้อย ใบหน้าทีแ่ ดงเรือ่ กลับซีดขาวลง ไปอีก นัยน์ตายังคงเบิกกว้างจ้องมองหล่อนแน่วแน่ด้วยแววอย่างเดิม ขณะที่ริมฝีปากขมุบขมิบส่งเสียงแผ่วเบาออกมาอย่างเผลอไผล “เธอ?...เหมือนเหลือเกิน...ไม่น่าเชื่อเลย...”

26 จินตวีร์ วิวัธน์


๓ ทุกคนทีไ่ ด้ยนิ เสียงพึมพ�ำนัน้ พากันมองหน้าเจ้าของเสียงเป็น ตาเดียว โดยเฉพาะกรพินธุเ์ ต็มไปด้วยความฉงนฉงายจนเบิกตากว้างจ้อง มองนายแพทย์หนุม่ ใหญ่เขม็ง ดูเหมือนเขาจะรูส้ กึ ตัว สีหน้านัน้ จึงทัง้ เจือ่ น และเขิน ท�ำท่าอึกอักนิดหนึ่งก่อนกล่าวต่อ “ขอโทษครับ ผมนี่ไร้มารยาทเสียจริง แต่ว่าคุณคนนี้หน้าเหมือน คนที่ เอ้อ-คนทีผ่ มรู้จกั ราวกับพิมพ์เดียว ก็เลยแปลกใจจนระงับไม่อยู่ครับ ขออภัยด้วย” เขาก้มศีรษะให้กรพินธุ์ ด้วยท่าทางเก๋นา่ ดูในสายตาของหล่อน แล้ว เบือนไปทางปลัดอ�ำเภอคารม “มาเยี่ยมใจแก้วหรือครับ เชิญเลย อาการยังเหมือนเดิม” ปลัดหนุม่ รีบส�ำรวมกิรยิ าให้เป็นปกติโดยเร็ว ทัง้ ๆ ทีน่ กึ แปลกใจใน ท่าทางของนายแพทย์หนุ่มใหญ่เป็นอันมาก ผายมือไปทางหนุ่มสาวทั้ง สองทางเบื้องหลังแล้วแนะน�ำ “สองคนนี่เพิ่งมาจากกรุงเทพครับคุณหมอ กรพินธุ์เป็นญาติของ ภริยาผมเอง ส่วนจักรเป็นเพื่อนสนิทของเธอ ขับรถมาส่งน่ะ” กรพินธุร์ บี ยกมือท�ำความเคารพคุณหมอโดยเร็วเช่นเดียวกับเพือ่ น ของหล่อน นายแพทย์รบั ไหว้แล้วว่า มายาพิศวาส 27


“ยินดีท่รี ู้จักครับ คุณคงรู้จกั ใจแก้วดี?” “ค่ะ ใจแก้วเป็นเพือ่ นของน้องชายก้อย-เอ๊ย-ดิฉนั น่ะค่ะ” หญิงสาว พูดอย่างขัดเขินเล็กน้อยอย่างไม่น่าเป็นไปได้ หล่อนไม่เคยรู้สึกประหม่า เมือ่ อยู่ต่อหน้าคนแปลกหน้าเหมือนเวลานีเ้ ลย นึกในใจว่า บางทีอาจเป็น เพราะดวงตาของคุณหมอหุ่นเท่นี้กไ็ ด้ที่ท�ำให้เกิดความรู้สกึ แปลกๆ เช่นนี้ ‘คนอะไร นัยน์ตายังกับจะพูดได้...’ หล่อนบอกตัวเองขณะหลบตา เขามองไปทางอื่น ปลัดคารมพูดแทรกขึน้ “เรียกตัวเองให้เป็นกันเองกับคุณหมอเถอะ ก้อย คุณหมออิศรา มหเวช คนนี้ใจดี...ใครๆ ก็รักกันทั้งเมือง...” แล้วก็หัน ไปอธิบายเพิ่มเติมกับฝ่ายนายแพทย์ “น้องชายของก้อยมาหาใจแก้วเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วครับ ไม่กลับ ไปกรุงเทพอีกเลย ก้อยเป็นห่วงน้องชายก็เลยมาตามตัวถึงนี่” แววบางอย่างผ่านไปบนใบหน้าของฝ่ายนายแพทย์ชัดเจนจนผู้ พบเห็นนึกพิศวงไปตามๆ กัน ดูเหมือนเขาบังเกิดความตระหนกขึ้นมา โดยปัจจุบันทันด่วนอย่างลืมตัว ริมฝีปากได้รูปงามแต่ซีดเซียวเผยอหลุด เสียงอุทานออกมาแผ่วเบา “โอ๊ะ! งั้นรึ?” ดวงตาทัง้ สามคู่ ทีจ่ อ้ งมองเขม็งมาเป็นตาเดียวท�ำให้เขาได้คดิ นาย แพทย์อศิ รา มหเวช พยายามระงับความรู้สึก วางหน้าให้เป็นปกติ กล่าว ซ�้ำประโยคแรกอีกครั้ง “ยังงั้นรึครับ แล้วพบตัวหรือยัง?” “ยังน่ะซีครับ ผมเลยพาก้อยมาหาใจแก้ว เผื่อจะพบร่องรอยตากิ่ง น้องชายของก้อยบ้าง” “ผมว่าคงล�ำบาก” นายแพทย์หนุม่ ใหญ่วา่ มองดูหญิงสาวข้างหลัง ปลัดอ�ำเภออย่างเห็นใจ “ใจแก้วไม่ได้สติเลยครับ นอนนิ่งเป็นตุ๊กตาอยู่อย่างเดิม” ขณะทีเ่ ขาพูด กรพินธุส์ งั เกตเห็นแววตาอันเศร้าสร้อยของคุณหมอ 28 จินตวีร์ วิวัธน์


ซึมลงไปอีก เต็มไปด้วยความห่วงใยแกมวิตกกังวลบอกไม่ถูก ‘ช่างเป็นหมอที่ห่วงใยคนไข้ดจี ริงๆ’ หล่อนนึก ปลัดคารมขยับตัวไปทางบันไดเรือน แล้วถาม “คุณหมอไม่ได้เอา รถมาหรือครับ?” “หมอที่คลินิกมาส่งน่ะ เขาบอกว่าจะมารับผมก็รออยู่เป็นนานไม่ เห็นมา ท่าจะต้องกลับเสียแล้ว” “โธ่! จะต้องเดินท�ำไมให้เมื่อย จากนี่เข้าเมืองมันใกล้อยู่หรือครับ คุณหมอเสียเวลารออีกนิดเดียว ผมพาก้อยขึ้นไปหาใจแก้วสักประเดี๋ยว แล้วเราค่อยนั่งรถไปด้วยกัน” นายแพทย์อศิ ราท�ำท่าคิดนิดหนึง่ ก็ผงกศีรษะ “ถ้างัน้ ก็ขอบคุณครับ” ปลัดอ�ำเภอยิ้มกริ่ม พาขบวนน้อยๆ ของเขาขึ้นบันไดเรือนไปทันที หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งโผล่ออกมารอรับอยู่ที่ระเบียงเรือนเหนือ บันไดนั้นแล้ว นางเป็นคนรูปร่างสันทัด ผิวคล�้ำ หน้าตาท่าทางใจดี แต่ ขณะนี้มีแววทุกข์ระทมเต็มตัว “ขึ้นมาซีคา ปลัด” นางเชื้อเชิญพร้อมกับยิ้มกว้างขวาง “มาเยี่ยม นังแก้วหรือคา?” “จ้ะ แม่หนู” ปลัดอ�ำเภอตอบยิ้มย่องด้วยถ้อยค�ำที่กรพินธุ์เกือบ สะดุ้ง แต่แล้วก็นึกออกว่าป้าของใจแก้วคงชื่อ ‘หนู’ ไม่ใช่ปลัดคารมเรียก นางด้วยความเอ็นดูในฐานที่เป็นแม่หนูน้อยเป็นแน่! “พาพี่สาวของแฟนใจแก้วมาหา แม่หนูรู้ไหมว่ากวินทร์มาที่นี่หรือ เปล่า?” นางหนูท�ำหน้าฉงน “เปล่านี่คา ตั้งแต่นงั แก้วมันล้มเจ็บ นอกจาก หมอกับต�ำรวจแล้ว ก็ไม่มใี ครมาเยี่ยมเลยคา” ป้าของใจแก้วพาผูม้ าเยือนทัง้ สามไปยังห้องซึง่ กัน้ ไว้เพียงห้องเดียว ทั้งบ้าน นายแพทย์อิศราซึ่งได้เยี่ยมคนป่วยแล้วนั่งรออยู่ที่ยกพื้นเหนือ ระเบียง ปล่อยให้ปลัดอ�ำเภอพาชาวกรุงทั้งสองเข้าไปในห้อง กรพินธุม์ องดูรา่ งทีน่ อนแบ็บอยูบ่ นฟูกบางๆ ในห้องน้อยด้วยความ มายาพิศวาส

29


รู้สึกชอบกล กึ่งเวทนา กึ่งฉงนฉงาย และกึ่งพรั่นพรึงลึกๆ ร่างของเด็กสาวคนรักของกวินทร์ กุฎากรณ์ ซูบผอมทัง้ ๆ ทีเ่ พิง่ ป่วย ได้ไม่นานนัก ใบหน้าซีดขาวเหมือนแผ่นกระดาษ นัยน์ตาลืมกว้างเต็มไป ด้ ว ยแววเคว้ ง คว้ า งเลื่ อ นลอยไม่ จั บ คน ทั่ ว ร่ า งไม่ มี อ วั ย วะส่ ว นใด ขยับเขยื้อนเลย นอกจากกะพริบตานานๆ ครั้ง “ใจแก้ว” ปลัดคารมเรียกเบาๆ ขณะทรุดนั่งบนพื้นหน้าฟูกนั้น เด็กสาวไม่มีท่าทางว่าได้ยิน ทั้งที่อยู่ห่างกันแค่หลาเดียว ป้าของ หล่อนหน้าสลด อธิบายให้กรพินธุ์ฟังอย่างเศร้าหมอง “มันเป็นยังงีท้ งั้ วันทัง้ คืนคา ไม่ร้เู นือ้ รู้ตวั เลย กินได้ถ่ายได้ทกุ อย่าง แต่ไม่รู้สกึ ตัว” “หมอว่าเป็นอะไรคะ ป้า” กรพินธุ์ถามเบาๆ นึกสลดใจต่อชะตา กรรมของคนรักของน้องชายอย่างบอกไม่ถูก “หมอก็ยังไม่รู้เลยคา เพราะยังงี้แหละ คุณหมอทึ้งได้มาเยี่ยมมัน ทุกวันหาทางจะรักษาให้หายให้ได้” “ก่อนที่ใจแก้วจะป่วยอย่างนี้ เธอมีอาการเป็นยังไงบ้าง?” ปลัด คารมช่วยซัก “โฮ้ย! ก็หยั่งที่อีฉันเล่าให้ปลัดกะนายอ�ำเภอฟังแล้วนั่นแหละคา มันไม่เป็นอะไรเลย แต่ท่าทางมันพิลึก เหมือนคนตกใจกลัวยังงั้นแหละ อีฉนั ถามมันก็วา่ ไม่มอี ะไร พอเช้าขึน้ มีคนวิง่ มาบอกว่านังแก้วมันนอนหมด สติอยู่ที่ชายป่าอีฉันรีบไปดูแล้วพามันไปโรงพยาบาล มันก็มีอาการเป็น ยังงี้แหละคา” “ตอนทีใ่ จแก้วออกจากบ้านไปทีช่ ายป่าน่ะ ป้าไม่ทราบเลยหรือคะ ว่าเธอออกจากบ้านไปไหน” “ไม่รู้ไม่เห็นเลยคา ถ้ารู้ป้าจะปล่อยให้มนั ไปได้ยังไงคนเดียวกลาง ค�่ำกลางคืน แถวนี้ยิ่งมีเรื่องร้ายอยู่ด้วย” “เป็นอันว่าป้าไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับสาเหตุอาการป่วยของใจแล้ว เลย?” จักร สุรวุธ ถามย�้ำมาอีกคน 30

จินตวีร์ วิวัธน์


นางหนูส่ายหน้าดิก “ไม่รู้เลยคา” “และป้าก็คงไม่ทราบว่า กิง่ มาตามหาใจแก้วถึงทีน่ ดี่ ้วย?” กรพินธุ์ ถามเสียงแห้ง และรู้สกึ ว่าใจคอห่อเหี่ยวลงไปอีกมากเมื่อเห็นฝ่ายเจ้าของ บ้านสั่นศีรษะปฏิเสธ ทัง้ สามคนซักถามป้าของใจแก้วอีกเป็นครู่ เมือ่ เห็นว่าไม่ได้เรือ่ งจริง ก็พากันออกจากห้องคนป่วยมายังระเบียงด้านนอก นายแพทย์อิศรานั่งพิงเสาเรือนสูบบุหรี่รออยู่ เมื่อเห็นปลัดอ�ำเภอ เดินออกมาจากห้องก็เอ่ยถาม “ได้ความไหมครับ?” ฝ่ายนั้นส่ายหน้า “แม่หนูไม่รู้เรื่องราวตากิ่งเลย แสดงว่ากิ่งคงไม่ได้มาที่นี่...เอ เขา จะไปที่ไหนได้นะ ไม่มใี ครพบรถด้วย” “อ้อ ขับรถมาเองหรือครับ?” นายแพทย์ถาม เปลือกตาหลุบลงต�่ำ เหมือนซ่อนแววตา “ค่ะ” พี่สาวของบุรุษผู้หายสาบสูญเป็นผู้ตอบ “รถเฟียตเก่าแก่สี ไข่ไก่...ก้อยเห็นจะต้องขอให้พ่รี มสืบหารถคันนี้ให้ที” ปลัดหนุ่มส่ายหน้า “ต�ำรวจกับพี่ช่วยกันสืบเรื่องคนหายอย่างใกล้ชิดมาตลอดสอง เดือนกว่าแล้ว ก้อย เราไม่ได้ว่แี ววรถไม่มเี จ้าของจอดอยู่ท่ไี หนเลย แสดง ว่าตากิ่งคงไม่มาที่นี่” “ถ้างั้นเขาจะไปที่ไหนล่ะคะ พี่รม?” หญิงสาวถามอย่างเด็กๆ สีหน้าแสดงความวิตกกังวลเหมือนเด็กที่ ก�ำลังกลุ้มใจอีกเช่นกัน อากัปกิริยานั้นท�ำให้บุรุษผู้สูงวัยกว่าทั้งสองคนพากันมองอย่าง เอ็นดู โดยเฉพาะนายแพทย์อศิ รา มหเวช ในดวงตาคู่ด�ำสนิทลึกซึ้งของ เขาฉายแววบางอย่างที่ไม่มีใครอ่านออกขึ้นวูบหนึ่งก่อนจางหายไป เขาเอ่ยขึ้นอย่างไม่แน่ใจ “เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว คนในบ้านผมเก็บ มายาพิศวาส

31


นาฬิกาข้อมือได้เรือนหนึ่ง ตกอยู่ข้างทางจะขึ้นเขา ที่สายด้านในจารึกตัว อักษร ๒ ตัว คือ K.K. ถ้าคุณก้อยสนใจจะไปขอดูท่คี นของผมก็ได้ครับ” สีหน้าของหญิงสาวเปลีย่ นไปทันที ดวงตามีแววตระหนกขณะกล่าว เร็วปรื๋อ “ตัว K สองตัวหรือคะ? ใช่แล้วค่ะ สายนาฬิกาของกิ่งเอง อักษร นั้นย่อมาจาก กวินทร์ กุฎาภรณ์ ไงคะ” “ถ้างัน้ ก็เชิญคุณทัง้ สองไปแวะทีบ่ า้ นผม จะคืนนาฬิกานัน่ ให้ครับ” “คนของคุณหมอเก็บได้แต่นาฬิกาอย่างเดียวหรือครับ มีร่องรอย อื่นอีกไหม?” ปลัดอ�ำเภอถาม ท่าทางสนใจยิ่งยวด นายแพทย์สั่นศีรษะ “ไม่มีเลยครับ เส้นทางที่พบนาฬิกาอยู่ห่าง บ้านผม เครือเขาไปพบโดยบังเอิญ เมื่อเก็บได้แล้วก็เอามาพูดกันในหมู่ คนใช้ ผมได้ยนิ เข้าก็เลยรู้เรื่องครับ” “แสดงว่า กิง่ มาทีน่ จี่ ริงๆ น่ะซีคะ พีร่ ม” กรพินธุ์พดู ร้อนรนกับปลัด หนวดงาม แล้วหันไปทางนายแพทย์ “คุณหมอจะกรุณาให้คนทีพ่ บนาฬิกา พาเราไปชี้ตรงนั้นได้ไหมคะ?” หมออิศราก้มศีรษะ ยิม้ น้อยๆ ซึง่ ท�ำให้ใบหน้าเรียวของเขาน่าดูขนึ้ อีก “ด้วยความยินดีครับคุณก้อย เชิญเดี๋ยวนี้เลยก็ได้” ปลัดคารมหันไปทางเจ้าของบ้านซึ่งตลอดเวลานั่งอ้าปากหวอฟัง ค�ำสนทนาอย่างไม่ใคร่รู้เรื่อง “ไปก่อนละนะ แม่หนู วันหลังจะมาใหม่ ถ้ามีเรื่องเดือดร้อนละก็ รีบไปบอกได้” นางหนูยกมือไหว้ท่วมหัว แล้วลุกขึน้ เดินไปส่งอาคันตุกะทัง้ หมดที่ หัวกระไดเรือน ทุกคนขึน้ รถจีป๊ ของจักร นายแพทย์อศิ รานัง่ คูก่ บั คนขับในทีน่ งั่ ตอน หน้า ส่วนกรพินธุ์กับปลัดอ�ำเภอนั่งข้างหลัง “ตายจริง! เรื่องมันท�ำท่าน่ากลัวเสียแล้วละค่ะพี่รม” ปลัดหนุ่มรีบปลอบ “อย่าเพ่อขีแ้ ยน่า ก้อย กิง่ อาจท�ำนาฬิกาตกไว้ 32 จินตวีร์ วิวัธน์


ก็ได้ คิดในแง่ดซี ี อย่ามองแต่แง่ร้ายอย่างเดียว” “แต่กอ้ ยสังหรณ์ใจชอบกลเสียแล้วค่ะ พีร่ ม คิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้า กิ่งอีก” “เย็นไว้ก่อนเถอะ ก้อย อย่าเพ่อแช่งตากิ่งทางอ้อมยังงั้นเลย” ค�ำพูดประโยคนัน้ ท�ำให้กรพินธุไ์ ด้คดิ จึงพยายามระงับอารมณ์ เม้ม ริมฝีปากแน่น ไม่กล่าวว่ากระไรอีก จักร สุรวุธ พูดปลอบมาจากหลังพวงมาลัยรถ “อย่าเพ่อด่วนสรุป ง่ายๆ ในทางไม่ดีเลยครับก้อย ผมว่ากิ่งคงไม่เป็นอะไร บางทีป่านนี้อาจ ไปปร๋ออยู่ที่กรุงเทพแล้วก็ได้” “ก้อยบอกพี่กุไว้แล้วว่า ถ้ากิ่งกลับบ้านที่กรุงเทพให้พ่กี ุโทรเลขมา บอกทันทีค่ะ” “งัน้ ก้อยก็เตรียมตัวรอโทรเลขได้แล้วครับ ถ้ายังคิดจะพักอยูท่ นี่ ตี่ อ่ ไปอีก” “ก้อยพักแน่ค่ะ จักรกลับไปก่อนก็แล้วกัน ถ้าไม่พบกิง่ ก้อยก็จะไม่ กลับ” ถ้อยค�ำที่หล่อนเปล่งออกไปประโยคนั้นหนักแน่นมั่นคงยิ่งนัก นายแพทย์อิศราเบือนหน้ามามองแวบหนึ่ง กล่าวเสียงทุ้ม “คุณ ก้อยท่าจะรักน้องชายมาก” เขาเรียกชื่อเล่นของหล่อนอย่างสนิทสนมด้วยน�้ำเสียงน่าฟังจน กรพินธุ์รู้สึกอบอุ่นที่ใจขึ้นมาอย่างประหลาด ไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่เป็นชาย คนไหนเลยที่มีความสนิทสนมกับหล่อนจนสามารถเรียกชื่อได้อย่างนุ่ม นวลปานฉะนี้ หรือจะพูดให้ถูกก็คือ กรพินธุ์เป็นคนไร้ญาติขาดมิตร หลัง จากมารดาเสียชีวิตแล้ว หล่อนก็เหลือน้องชายอีกคนเดียวเป็นญาติสนิท ที่สุดในโลก โดยไม่นับกุสุมา ภริยาของปลัดคารม ซึ่งเป็นเพียงลูกพี่ลูก น้องห่างๆ “ค่ะ คุณหมอ เรามีอยู่ด้วยกันสองคนเท่านั้นเอง” หล่อนตอบนาย แพทย์แผ่วเบาเหมือนร�ำพึงกับตัวเอง มายาพิศวาส

33


รถแล่นเลยตัวเมืองออกไปสูถ่ นนลูกรังซึง่ เป็นบ่อตามสภาพถนนใน ชนบททั่วไป กรพินธุ์มองดูทวิ ทัศน์สองข้างทางด้วยความสนใจแกมพอใจ ยิ่งยวด จังหวัดรัตนธานี อันเป็นที่อยู่ของปลัดคารมนี้ตั้งอยู่สุดแดนอีสาน ใกล้พรมแดนเขมร แต่น่าประหลาดอย่างหนึ่งที่เป็นจังหวัดอันเงียบสงบ ทีส่ ดุ ไม่มภี ยั อันตรายเบียดเบียนเหมือนจังหวัดตามชายแดนทัง้ หลาย อาจ เป็ น เพราะความที่ มี ข นาดเล็ ก และไม่ ส�ำคั ญ ในทางยุ ท ธศาสตร์ แ ละ เศรษฐกิจก็ได้ แต่รัตนธานีก็มีอีกอย่างหนึ่งที่ออกจะเกินเพื่อนร่วมภาคเดียวกัน นั่นคือทิวทัศน์อันสวยสดงดงาม ความร่มเย็นสุขสงบ ความเป็นอยู่เรียบ ง่ายของชาวเมือง และที่ส�ำคัญที่สุดก็คือการครองชีพที่ไม่แร้นแค้นเกินไป เหมือนเพื่อนพ้องในจังหวัดอื่นๆ พากันประสบอยู่ บ้านของนายแพทย์อิศรา มหเวช อยู่นอกตัวเมืองออกไปไม่น้อย ระยะทางร่วม ๓๐ กิโลเมตร ตลอดทางมีทิวทัศน์งามๆ อันประกอบด้วย ทิวเขาแมกไม้ และท้องทุง่ ให้เห็นน่าเพลิดเพลิน แต่เมือ่ นัง่ รถนานไป หญิง สาวก็เริ่มมองทิวทัศน์เหล่านั้นด้วยความรู้สกึ ชักจะไม่สบายใจนัก ‘ตายจริง บ้านคุณหมออยูไ่ กลขนาดนีเ้ ชียว...’ หล่อนนึกโดยไม่กล้า ปริปาก ช่วงทางนัน้ เป็นป่าโปร่ง สลับทุง่ หญ้ากว้าง ถัดออกไปเป็นเทือกเขา สูงใหญ่ราวจะกั้นกึ่งกลางระหว่างพื้นดินกับแผ่นฟ้า “ภูฟ้าหยาด” เสียงปลัดอ�ำเภอเอ่ยเบาๆ “อะไรนะคะ?” กรพินธุ์เอียงคอถาม “เทือกเขาที่ก้อยจ้องอยู่น่นั แหละคือภูฟ้าหยาด บ้านของคุณหมอ อยู่ใกล้เขาเลยชื่อว่าบ้านฟ้าหยาดไปด้วย” “ชื่อเพราะจังค่ะ...” หล่อนกล่าวชมอย่างจริงใจ แล้วพูดต่อเสียง อ่อย “...แต่อยู่ไกลตัวเมืองจังนะคะ ไม่มบี ้านคนด้วย” “ใครว่า? แถวบ้านคุณหมอมีหมูบ่ า้ นฟ้าหยาดครับ สาวๆ ทีน่ นั่ สวย 34 จินตวีร์ วิวัธน์


ทุกคนจนลือไปทั้งอ�ำเภอทีเดียวว่า ถ้าจะหาสาวสวยละก็ ต้องไปหมู่บ้าน ฟ้าหยาด” “บ้านผมไม่ไกลปืนเที่ยงนักหรอกคุณก้อย...” นายแพทย์หันมา อธิบาย “...มีทางลัดบนไหล่เขาตัดลงสูต่ วั เมืองห่างกันแค่ ๗-๘ กิโลเท่านัน้ แต่ต้องคนที่คุ้นกับภูมปิ ระเทศหน่อยจึงจะขับรถผ่านเส้นทางนั้นได้” แล้วเขาก็ชมี้ อื ไปข้างหน้า บอกเบาๆ กับจักรผู้ท�ำหน้าทีข่ บั รถ “นัน่ ไงครับ ถึงแล้วบ้านผม” กรพินธุ์มองตามมือของเขาแล้วก็หยุดสายตานิ่งแน่วอยู่ที่ภาพนั้น นิ่งงันไปด้วยความพิศวงระคนตื่นตาตื่นใจ...

มายาพิศวาส

35


๔ อาคารที่ปลูกสร้างอยู่บนเนินเขาเบื้องหน้านั้น มองดูแล้วไม่ น่าเชื่อเลยว่าเป็นของจริง เป็นบ้าน หรือจะพูดให้ถูกก็คอื ‘คฤหาสน์’ น่าดูที่สุดเท่าที่กรพินธุ์ เคยเห็นมา ลักษณะของมันเก่าแก่ แต่ดูโอ่โถง และงามสง่าอยู่ในที่อย่าง เคร่งขรึม เหมาะจะเป็นบ้านพักของเศรษฐี หรือคนใหญ่คนโตสักคนใน นครหลวงมากกว่ า จะมาปลู ก สร้ า งอยู ่ โ ดดเดี่ ย วท่ า มกลางธรรมชาติ แวดล้อมอันแสนสงบ ตัวบ้านทาสีเทาอ่อน ยามแดดจ้าส่องกระทบเต็มทีเ่ ช่นนีด้ เู กือบเป็น สีขาวกระจ่าง ซึง่ ยิง่ ขยายตัวบ้านให้ดใู หญ่โตขึน้ ไปอีก ห้องหับนัน้ ประมาณ ด้วยตาคงมีราว ๒๐ ห้อง หน้าต่างและประตูโค้งแบบศิลปะทรงโกธิค แต่ มีจั่วมากมายเพิ่มความเก๋แก่ตัวบ้าน แต่ท�ำให้มีลักษณะอันห่างไกลบ้าน คนไทย ก�ำแพงทีล่ อ้ มตัวบ้านเป็นอิฐสีเทาเข้ม ประตูเหล็กใหญ่แข็งแรงหนา หนักทัง้ ก�ำแพง และประตูสงู ลิบลิว่ เสมือนแบ่งกัน้ อาณาเขตอันกว้างขวาง ของบ้านไว้เป็นอาณาจักรอีกแห่งหนึ่งจากสิ่งแวดล้อมทั้งปวง เบือ้ งหลังของบ้านคือเทือกเขาสูงทะมึนเสียดฟ้าชอุม่ ด้วยพุม่ พฤกษ์ 36

จินตวีร์ วิวัธน์


ไพรพงรกชัฏ สีเขียวเข้มของป่าเขาตัดกับสีเทาอ่อนของคฤหาสน์ให้เด่น สะดุดตาออกมาอย่างแรง ลาดลงไปทางด้านซ้ายมือเป็นท้องทุ่งรกเรื้อ ส่วนทางขวามือเป็นตรวยโตรกชะง่อนผาขรุขระ นับว่าผูเ้ ลือกท�ำเลสร้างบ้านหลังนีต้ าแหลมและมีหวั ศิลป์ไม่เบาเลย เพราะต�ำแหน่งที่ตั้งของคฤหาสน์ไม่ว่าจะมองใกล้หรือไกล ล้วนมองเห็น เด่นสะดุดตาทั้งนั้นไม่ว่าจะมองในแง่มมุ ด้านใดทั้งนั้น “โอ้โฮ...” กรพินธุอ์ ดไม่ได้ทจี่ ะอุทานออกมาเบาๆ “...บ้านคุณหมอ ยังกับวังแน่ะค่ะ” “ก็วังจริงๆ นี่ก้อย...” ปลัดคารมอธิบายก่อนที่ฝ่ายเจ้าของบ้านจะ ปริปาก “...บ้านนี้เป็นมรดกเก่าแก่ของท่านหญิงแม่ของคุณหมอ เอ้อ ท่าน เป็นหม่อมเจ้าเชียวนะ ก้อย แต่ทรงเบื่อวังในเมืองหลวงก็เสด็จออกมา ประทับอยู่ท่นี ี่เงียบๆ จนสิ้นพระชนม์” “อ้อ” หญิงสาวไม่ทราบจะพูดอะไรดีไปกว่านั้น จับตามองดูบ้าน ด้วยความชื่นชมอย่างเปิดเผย “สวยสง่ามากครับ” จักร สุรวุธ ชมเชยมาอีกคน นายแพทย์อศิ ราก้มศีรษะรับ สีหน้าไม่บอกความยินดียนิ ร้ายในค�ำ ชมเลย “ขอบคุณครับ มันใหญ่เกินไปจนผมแทบไม่อยากอยู่ เคยคิดจะปิด ไว้เฉยๆ แล้วไปหาทีอ่ ยูใ่ หม่ในเมือง แต่ยายอรเขาไม่ยอม น้องสาวของผม ครับชือ่ อรชุมา ประเดีย๋ วคุณก้อยก็จะได้พบ เขารักบ้านนีย้ งิ่ กว่าผมเสียอีก ขู่จะตัดพี่ตดั น้องทีเดียวถ้าผมทิ้งที่น่ไี ป” “เธอคิดถูกค่ะ คุณหมอ คฤหาสน์ของคุณหมอสวยจริงๆ ถ้าทิ้งไป ก็น่าเสียดาย” คราวนี้หมออิศรายิ้มน้อยๆ “อย่าเรียกว่า ‘คฤหาสน์’ เลยครับฟัง แล้วชอบกล ผมเรียกชื่อง่ายๆ ว่าบ้านฟ้าหยาด เป็นชื่อเดียวกับหมู่บ้านที่ อยู่รอบๆ บริเวณนี้ครับ” มายาพิศวาส

37


“หมู่บ้านฟ้าหยาดเป็นหมู่บ้านใหญ่นะก้อย ที่นี่ก็ห่างจากตัวเมือง แค่ ๗-๘ กิโลอย่างที่คุณหมอว่า เราขับรถทางอ้อมก็เลยดูเหมือนไกล” ปลัดคารมช่วยอธิบายมาอีกคน ถึงเขาเพิง่ จะมารับงานทีน่ ไี่ ด้ไม่ถงึ เดือน ปลัดหนุ่มก็ท�ำความรู้จกั กับอ�ำเภอของตนได้ดพี อใช้ ไม่มีบริเวณใด ในอ�ำเภอภูฟ้าที่เขาไม่ได้เหยียบย่างเข้าไป “ทีจ่ ริง หมูบ่ า้ นก็ไม่ได้หา่ งไกลซักหน่อย ไม่นา่ มีขา่ วลือบ๊องๆ พรรค์ นั้นเลยนะครับ คุณหมอ” นายแพทย์หวั เราะหึๆ “ก็ลอื กันสนุกปากไปยังงัน้ เองครับ ถามจริงๆ เข้า ไม่เห็นใครยืนยันได้สกั คน” “ลือเรื่องอะไรคะ?” กรพินธุ์ถามทันที “เรือ่ งตลกครับ คุณก้อย...” นายแพทย์หนุม่ ใหญ่เอีย้ วหน้ามาตอบ หญิงสาวผูเ้ ดียวในรถสังเกตเห็นว่าจมูกของเขาเป็นส่วนหนึง่ ทีเ่ ด่นทีส่ ดุ บน ใบหน้า เพราะมันโด่งเป็นสันจากกึ่งกลางคิ้วลงมาทีเดียว “...ส�ำหรับพวกเรามันตลกอย่างร้าย แต่ส�ำหรับชาวบ้านเขาเห็นตรง กันข้าม...คือมีคนลือกันว่าในบริเวณทุ่งร้างทางซ้ายมือของบ้านผมน่ะมี วิญญาณร้ายสิงสู่อยู่ วันดีคนื ดีกป็ รากฏตัวออกมาหลอกหลอนให้คนเป็น ไข้หัวโกร๋นเสียทีน่ะครับ” “อ๋อ เรือ่ งผีอกี แล้ว” กรพินธุอ์ ทุ านเบาๆ หล่อนเป็นคนไม่กลัวผีและ ไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์อนั เร้นลับ จึงมองเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกเช่นเดียว กับนายแพทย์ “ครับ ผมบอกเขาว่า ผมอยู่ที่บ้านติดกับทุ่งนี้มาตลอดชีวิต ยังไม่ เคยเจอผีหรือวิญญาณร้ายอย่างที่ว่าเลย พวกเขากลับเถียงว่า วิญญาณ ร้ายนั่นเป็นวิญญาณจร เพิ่งมาสิงสู่อยู่ในทุ่งนี้ไม่นาน บ้านผมคงมีของดี วิญญาณจึงไม่กล้ากวน” “ดูคล้ายกับว่าวิญญาณในทุ่งธารทองจงใจมาต้อนรับผมยังงั้น แหละครับ” ปลัดญาติของกรพินธุ์ พูดพลางหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขัน “...เพราะมันมาไล่เลี่ยกับผมมารับต�ำแหน่งที่นี่” 38 จินตวีร์ วิวัธน์


รถแล่นสูงขึ้นตามลาดเนิน จักรต้องขับอย่างระมัดระวังเพราะไม่ ช�ำนาญทาง ในทีส่ ุดก็ไปจอดสนิทหน้าประตูเหล็กสีเทาสูงใหญ่ทะมึน “บีบแตรครับ คนในบ้านจะได้มาเปิดประตู” เจ้าของบ้านบอก จักรท�ำตาม บีบแตรสั้นๆ สองครั้งและรออยู่ชั่วอึดใจ บานประตู เหล็กหนาทั้งสองก็เผยอออกจากกันแช่มช้า ชายวัยกลางคนคนหนึ่งท�ำหน้าที่เปิดประตู และยืนส�ำรวมต้อนรับ เจ้านายอย่างมีมารยาท จี๊ปมอมแมมวิ่งตามถนนโรยกรวดยาวเหยียดมุ่งสู่ตัวคฤหาสน์ ซึ่ง ตั้งอยู่บนเนินน้อยๆ อันเกิดจากการถมที่สูงขึ้นกว่าบริเวณโดยรอบ “ข้างในก�ำแพงยิ่งสวยใหญ่นะคะคุณหมอ คงมีคนสวนหลายคน” กรพินธุ์เอ่ยอย่างเป็นกันเองกับเขาขณะทอดตามองทุกสิ่งทุกอย่างด้วย ความสนใจและชื่นชมแท้จริง หมออิศรายิ้มให้หล่อนอย่างเอ็นดู “ครับ เราจ�ำเป็นต้องมีคนช่วย ดูแลหลายคน ม่ายงั้นดูแลไม่ท่วั ถึง ทั้งๆ ที่เจ้าของมีแค่สามคนเท่านั้น” รถจี๊ปแล่นไปจอดหน้าบันไดหินอ่อนรูปครึ่งวงกลมที่ทอดขึ้นสู่ตัว ตึก นายแพทย์หนุ่มเปิดประตูก้าวลงพร้อมกับกล่าวเชิญยิ้มๆ “เชิญข้าง ในครับ บ้านฟ้าหยาดขอต้อนรับด้วยความยินดีและเป็นเกียรติ” กรพินธุ์หวั เราะกระโดดลงจากรถทันที ยืนเคียงกับเขาโดยไม่ตั้งใจ พลางแหงนมองตัวบ้านอย่างเพ่งพิศ สตรีวัยกลางคนคนหนึ่งปรากฏกายขึ้นที่เฉลียงกว้างใหญ่เหนือ บันไดนั้น นายแพทย์อิศราเหลือบเห็นก็ร้องบอก “เรามีแขกมาหลายคนครับ คุณวงศ์ ช่วยบอกเครือด้วยว่า ผมขอ พบในห้องรับแขกหน่อย” “คุณหมอลืมไปแล้วหรือคะ...” พอสตรีกลางคนคนนัน้ เอ่ยปาก กรพินธุก์ เ็ กือบสะดุง้ ลดสายตาลง มองหล่อนทันที นึกในใจว่า ‘คนอะไร้ เสียงเหมือนจิ้งหรีด!’ หล่อนใช้เวลาที่สตรีผู้นั้นจีบปากพูดกับเจ้าของบ้านพิจารณาดู มายาพิศวาส

39


อย่างรวดเร็ว เป็นคนทีส่ มควรจะออกห่างไกลให้มาก ถ้าไม่อยากมีเรือ่ ง...หล่อนคิด รูปร่างสันทัดไม่อ้วนไม่ผอมผิวสองสีเป็นน�้ำนวลเพราะอยู่แต่ในร่ม ไม่ได้ออกกร�ำแดด แต่ใบหน้านั่นสิ กรพินธุ์เห็นแล้วรู้สึกชอบกล เป็นดวงหน้ายาว ค่อนข้างซูบมีกระดูกแก้มสูง ยิ่งท�ำให้หน้านั้นดู ผอมมากขึ้น จมูกโด่งน้อยๆ ปากบางเฉียบเข้มงวดรับกับดวงตาคมกริบ ในเบ้าค่อนข้างลึกและขนคิ้วดกหนาเกือบเป็นเส้นตรง ดูเข้มงวดและ เคร่งเครียดไม่เป็นมิตรกับใคร ‘แม่โวย! หุน่ ยังกะแม่บา้ นผูด้ ใี นหนังฝรัง่ เก่าๆ’ หล่อนนึกในใจขณะ เอียงหูฟังเสียงแหลมสูงนั้นกล่าวกับเจ้านาย “...เครือขออนุญาตไปโคราช ๓ วันไงล่ะคะ เพิ่งออกไปตอนบ่าย วันนี้เอง” “จริงซีนะ...” หมออิศราท�ำท่านึกออก “...ผมลืมไปสนิทเชียว ว้า ปลัดกับคุณก้อยมาเสียเวลาเสียแล้วครับ” “ไม่เป็นไรครับ” ปลัดคารมว่า มองดู ‘คุณวงศ์’ ที่นายแพทย์เรียก แล้วยิ้มให้กร่อยๆ “ยังไงก็ตาม ไหนๆ ก็มาถึงบ้านผมแล้ว เชิญข้างในก่อนครับ พัก ผ่อนทานน�้ำท่าก่อนแล้วค่อยกลับ” สตรีหน้าเคร่งผู้นั้นปรายตามองทุกคนแล้วเมินไปรวดเร็วอย่างไม่ สนใจไยดี ล�ำคอค่อนข้างยาวของหล่อนตั้งตรงเป็นสง่าอยู่บนบ่าอันกว้าง แต่บอบบาง ท่าทางวางมาดปั้นปึ่งยิ่งกว่าตัวเจ้าของบ้านเสียอีก นายแพทย์หนุ่มพาทุกคนเดินขึ้นบันไดหินอ่อนกว้างใหญ่ขึ้นสู่ เฉลียง แล้วเปิดประตูสงู โค้งสลักเสลาลวดลายแบบฝรัง่ งดงามให้ผมู้ าเยือน ทั้งสามก้าวเข้าไป “เชิญนัง่ ครับ...คุณวงศ์ชว่ ยให้เด็กเอาเครือ่ งดืม่ เย็นๆ มาให้ดว้ ยนะ” ร่างสันทัดของสตรีผวู้ างมาดก้าวยาวๆ จากไปด้วยฝีเท้าทีเ่ งียบกริบ ยิ่งกว่าแมว 40

จินตวีร์ วิวัธน์


กรพินธุ์เหลือบมองรอบห้องที่เข้ามานี่ แล้วร้องอุทานในใจดังๆ ‘อูฮ้ !ู ไม่นกึ เลยว่าในป่าในดงจะมีความสบายยังงี้ เมืองนีผ้ า้ ขีร้ วิ้ ห่อ ทองแฮะ’ เป็นห้องรับแขกที่ตกแต่งไว้เรียบเกลี้ยงแต่งามอย่างมีศิลปะ จาก ขนาดและเครื่องตกแต่งแสดงว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องรับแขกส�ำคัญ น่าเป็นที่ รับรองแขกระดับล�ำลองมากกว่าตามความเห็นของกรพินธุ์ เพราะชุด รับแขกหวายพ่นสีขาว บุดว้ ยเบาะหุม้ ผ้าสีสดใสนัน้ ไม่หรูหรานัก แต่กส็ วย น่าดู โต๊ะเล็กมุมห้องตั้งแจกันทรงกลมสีเขียว เสียบดอกกุหลาบสีอมแสด ไม่กี่ดอก บนผนังห้องมีแจกันแบบติดผนังเต็มไปด้วยช่อใบพลูด่างทอด ย้อยเป็นช่ออย่างงดงาม รูปเขียนง่ายๆ ๒-๓ รูป ประดับไม่ให้ผนังเลี่ยน กับรูปปั้นนางเงือกทีป่ ระดับอีกมุมหนึง่ ล้วนท�ำให้ห้องรับแขกนีง้ ามจุ๋มจิม๋ ในแบบล�ำลอง ถึงอย่างไร มันก็ไม่น่าจะเป็นห้องในบ้านที่อยู่ตามป่าเขา เช่นนี้เลย... ทุกคนทรุดตัวลงนัง่ ตามเจ้าของบ้าน นายแพทย์อศิ ราเอือ้ มมือเปิด พัดลมแล้วว่า “อีกตั้ง ๓ วันกว่าเครือจะกลับ คุณก้อยจะรออยู่ท่ตี ัวเมือง หรือเปล่าครับ?” “คงต้องรอค่ะ” หญิงสาวตอบหนักแน่น “...ก้อยเสียเวลามาถึงที่นี่ แล้ว ต้องให้รู้เรื่องกิ่งให้ได้” “ถ้างัน้ ผมจะให้เครือไปหาปลัดทันทีทเี่ ขากลับมา” นายแพทย์บอก มองดูพี่สาวของบุรุษผู้หายตัวอย่างเพ่งพิศโดยเปิดเผยแล้วถาม “ขอโทษ คุณก้อยคงไม่เรียนหนังสือแล้วกระมังครับ?” กรพินธุ์รู้สกึ หน้าร้อนขึ้น ย้อนถามเสียงสูง “ท�ำไมคะ?” “ถ้าเรียน คงไม่กล้าหยุดหลายวันติดต่อกัน ระยะนีใ้ กล้สอบไล่แล้ว ไม่ใช่หรือครับ?” หญิงสาวเม้มริมฝีปาก ก้มลงมองมือตนเองที่วางบนตัก ฝ่ายญาติ คือปลัดคารมจึงตอบแทนหล่อน “ก้อยเรียนจุฬาฯ ปี ๒ ก็ต้องออกเสียกลางคันครับ คุณหมอ ตอน มายาพิศวาส

41


นี้ก�ำลังหางานท�ำ” “อ้าว! ยังไม่ได้ท�ำงานหรือครับ?” เจ้าของบ้านถามอย่างสนใจ มอง ดูดวงหน้าก้มต�่ำของหญิงสาวไม่วางตา กรพินธุ์เงยขึน้ ตอบเรียบๆ “ตกงานค่ะ บริษทั ทีก่ ้อยเคยท�ำเขาหยุด กิจการเลยต้องออกหางานใหม่ มีบริษัทหนึ่งรับไว้แล้ว แต่ให้ส�ำรองอยู่ จนถึงเดือนพฤษภาค่ะ ระหว่างนี้ก้อยเลยว่าง” นายแพทย์หนุ่มผงกศีรษะ นิ่งไปอย่างครุ่นคิดเป็นครู่ เมื่อเขาเอ่ย อีกครั้งความหมายของประโยคนั้นท�ำให้กรพินธุ์เกือบตกเก้าอี้ และจักรผู้ นั่งเคียงข้างสะดุ้งโหยง “ถ้าไม่รงั เกียจชนบท คุณก้อยมาท�ำงานกับผมไหมครับ?” ปลัดคารมก็พลอยมองหน้าเจ้าของบ้านอย่างฉงนฉงายไม่แพ้คน อื่น แล้วเหลียวมองหน้าญาติสาวของเขาสลับกัน กรพินธุ์กะพริบตาถี่ ตอบอย่างไม่เชือ่ หูตนเอง “ก้อยไม่มคี วามรู้ใน ทางพยาบาลเลยนี่คะ” เจ้าของบ้านหัวเราะเบาๆ “ก็ผมไม่ได้ขอให้คุณก้อยมาท�ำหน้าที่ นางพยาบาลนี่ครับ” หญิงสาวเบิกตาโต ประกายสดใสแจ๋วแหววเหมือนตาเด็กไร้เดียง สานั้นน่าดูนกั “งั้นท�ำงานอะไรล่ะคะ?” “ถ้าคุณก้อยไม่รังเกียจเด็กพิการและใจเย็นพอที่จะสอนหนังสือ เล็กๆ น้อยๆ ให้แกได้ ผมก็อยากจะขอให้คณ ุ ช่วยเป็นครูสอนหนังสือให้ หลานสาวของผมครับ ยายบุศอายุ ๑๐ ขวบ เป็นโปลิโอลุกเดินเหินไม่ได้ ต้องนั่งเก้าอี้เข็นตลอดเวลา ปกติก็มีครูมาสอนให้แบบเช้าไปเย็นกลับน่ะ ครับ แต่ผมอยากได้ครูประจ�ำชัน้ ทีจ่ ะอยูก่ บั แกตลอดเวลาในบ้านเดียวกัน” “อุย๊ ! หมายความว่าจะให้กอ้ ยมาอยูท่ นี่ ดี่ ว้ ยหรือคะ?” กรพินธุเ์ สียง ดังอย่างลืมตัว หมออิศราก้มศีรษะ สีหน้ามีแววขบขันในท่าทางงงงวยของฝ่าย หญิง “ถ้าคุณก้อยไม่รังเกียจบ้านฟ้าหยาดผมก็ขอเชิญชวนให้คุณมา 42 จินตวีร์ วิวัธน์


ท�ำงานด้วยกันทีน่ คี่ รับ ปลัดจะช่วยบอกคุณก้อยได้วา่ ผมควรจะได้รบั ความ ไว้วางใจแค่ไหน” “คุณหมอได้สมญาว่า ‘พ่อพระ’ ครับก้อย เป็นคนที่ชาวรัตนธานี รักกันทั้งเมือง” “ไม่ถึงยังงั้นหรอกครับ ปลัดก็ยอผมเกินไปแล้ว...ผมให้เวลาคุณ ก้อยตัดสินใจเสียภายในคืนนี้ และพรุ่งนี้ขอค�ำตอบด้วยครับ ผมก�ำลัง ต้องการครูให้ยายบุศเร็วๆ” “เอ้อ...แหม ก้อยตืน่ เต้นไปหมดแล้วค่ะ ไม่ทราบจะตอบว่าอย่างไร ดี” กรพินธุ์หมายความตามนัน้ จริงๆ หล่อนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและ พิศวงงงงันเสียจนนึกอะไรไม่ออก หมออิศราหัวเราะอีก “ผมไม่ได้คาดคั้นให้คุณก้อยตอบเดี๋ยวนี้นี่ ครับ โปรดไปคิดก่อน ๑ คืน แล้วพรุ่งนี้ค่อยให้ค�ำตอบผม” “คุณหมอเชื่อได้ยังไงคะว่าก้อยจะมีความสามารถสอนหนังสือ หลานของคุณหมอได้? ก้อยไม่เคยสอนหนังสือมาก่อนเลย” “ไม่ใช่งานยากเย็นอะไรนี่ครับ ส�ำหรับวิชายากๆ มีครูสอนอยู่แล้ว คุณก้อยเพียงแต่สอนกิรยิ ามารยาทและให้ค�ำแนะน�ำนิดๆ หน่อยก็พอ ผม เชื่อสายตาตนเองว่ามองคนไม่ผิด คุณก้อยเข้ากับเด็กได้ดี ยายบุศ...แก ชือ่ บุศมาลีครับ...น่ารักพอทีใ่ ครๆ จะชอบได้งา่ ย...ท่าทางคุณก้อยก็รกั เด็ก” “ค่ะ ก้อยรักเด็กมาก” หญิงสาวสารภาพ จักร สุรวุธ ซึ่งนั่งปั้นหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลาที่นายแพทย์เอ่ย ปากเรื่องงาน เอ่ยขึ้นห้วนๆ “ก้อยอย่าลืมนะครับว่าที่กรุงเทพมีอะไรอยู่” กรพินธุ์มองเขาอย่างงงๆ “มีอะไรคะ? ก้อยไม่มอี ะไรทัง้ นัน้ ทัง้ งาน เงิน และญาติมิตร” “แต่ก้อยมี-เอ้อ-เพื่อน คือผม” ชายหนุ่มเอ่ยค�ำสุดท้ายไม่เต็มปาก ที่จริงเขาอยากเปลี่ยนค�ำว่า “เพื่อน” เป็น “คนรัก” หรือ “แฟน” อย่างที่ เรียกๆ กันทั่วไป แต่ก็กลัวกรพินธุ์จะโกรธเพราะหล่อนไม่พอใจทุกครั้งที่ เขาเอ่ยค�ำเหล่านีด้ ้วย และปฏิเสธทีจ่ ะให้ความหวังในเชิงนี้ เว้นแต่จะเป็น มายาพิศวาส

43


เพื่อนกันเท่านั้น กรพินธุ์ยิ้มให้เขาอย่างหวาน “งั้นจักรควรทราบดีว่าก้อยควรท�ำ อย่างไร เพื่อนต้องเข้าใจเพื่อนดีซีจ๊ะ” การสนทนาชะงักลงเมื่อใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้อง ‘คุณวงศ์’ ของนายแพทย์หนุ่มนั่นเอง แต่หล่อนไม่ได้มาคนเดียว ตามหลังคือสาวใช้วัยรุ่นแบกถาดเครื่องดื่มมาด้วย “อ้อ คุณวงศ์มาก็ดแี ล้ว...” นายแพทย์วา่ “ช่วยให้ใครไปตามยายอร กับยายบุศมาหาผมที จะแนะน�ำให้รู้จักแขกของเรา” “จ�ำเป็นนักหรือคะ?” สตรีวยั กลางคนตอบเย็นชา “คุณอรเย็บเสื้อ คุณบุศนอนหลับ คุณหมอจะให้ปลุกหรือคะ?” “งั้นตามอรมาคนเดียวก่อน” “คุณอรเธอก�ำลังคร�่ำเคร่งกับเสื้อค่ะ ดิฉันคิดว่า...” “คุณวงศ์” นายแพทย์หนุ่มขัดเสียงเย็นชาพอๆ กัน “ผมต้องการ ให้อรชุมามาที่นี่เดี๋ยวนี้” สีหน้าของสตรีสูงวัยไม่เปลี่ยนเลยขณะตอบ “คุณหมอต้องการ อย่างนั้นก็ได้ค่ะ ถ้าคิดว่าไม่เป็นการรบกวนอารมณ์ของคุณอรในยามที่ เธอก�ำลังอารมณ์ดอี ย่างนี้” “จะรบกวนหรือไม่รบกวนอรก็ควรมาที่นี่ คุณวงศ์ ผมต้องการให้ ยายอรพบกับคุณก้อย ผู้ซึ่งจะมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับเราในเร็วๆ นี้ แหละ!” จบค�ำพูดของเขา ไม่แต่ ‘คุณวงศ์’ เท่านั้นจะตกตะลึงจังงัง แขกของหมออิศรา โดยเฉพาะอย่างยิง่ ตัวของกรพินธุเ์ อง กลับเป็น ฝ่ายตะลึงจนตาค้างยิ่งกว่าคนอื่นๆ ในห้องนั้น...

44 จินตวีร์ วิวัธน์


๕ อาการตกตะลึงจังงังของสตรีวัยกลางคนนั้นเป็นไปอย่างน่า พิศวง ดวงหน้าเคร่งเครียดตึงเปรี๊ยะของหล่อนปรากฏริ้วรอยอย่างอื่นขึ้น ให้เห็นเป็นครั้งแรก เป็นรอยที่ผู้พบเห็นรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามๆ กัน มันโกรธเกรี้ยว ผิดคาด และโทมนัสคละเคล้ากันอยู่อย่างประหลาด ไม่นา่ เป็นไปได้ทขี่ า่ วการเพิม่ จ�ำนวนคนงานในบ้านขึน้ อีกคนนัน้ จะ ก่อให้เกิดปฏิกิริยาแก่สตรีผู้นี้สูงขนาดนี้ทีเดียว หล่อนขบฟันแน่น และ เพราะว่า จุดที่ยนื นั้นหันหลังให้กบั ผู้ที่มาเยือน แต่หันด้านข้างให้กรพินธุ์ จึงไม่มีใครในหมู่แขกของหมออิศราจะมองเห็นสีหน้านั้นนอกจากกรพินธุ์ คนเดียว “ยังงั้นหรือคะ คุณหมอแน่ใจแล้ว?” ประโยคท้ายของ ‘คุณวงศ์’ ตวัดสูง ท�ำให้เสียงที่ฟังเหมือน ‘เสียง จิง้ หรีด’ ในความคิดของกรพินธุฟ์ งั น่าขันยิง่ ขึน้ วีแ่ ววบางอย่างในน�ำ้ เสียง นั้นก็เหมือนกัน หญิงสาวผู้มาเยือนคิดว่า มันเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย เสียดแทงอย่างประหลาด แต่เจ้าของบ้านหนุม่ ใหญ่กลับก้มศีรษะรับอย่างเฉยชา “ไปเรียกอร มาก่อน” เขาพูดเพียงนั้นแล้วก็ไม่มองดูหล่อนอีก ‘คุณวงศ์’ เดินออกจากห้องด้วยฝีเท้าเบากริบตามเคย มายาพิศวาส

45


นายแพทย์เอ่ยขึ้นเมื่อลับร่างตรงแหน็วนั้นแล้ว “คุณวงศ์เป็นแม่บ้านของฟ้าหยาดครับ เป็นญาติห่างๆ ของท่าน แม่ แต่ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ ชื่อเต็มว่าคุณสมวงศ์ครับ เป็นคนเนิฟวัสนิด หน่อยแล้วก็เจ้าระเบียบ แต่ท�ำงานดีมาก” เขาพูดเหมือนอธิบายกับกรพินธุ์ โดยตรง ท�ำท่าเหมือนหล่อนตกปากรับค�ำทีจ่ ะมาอยูใ่ ต้ชายคาเดียวกันแล้ว อย่างนั้นแหละ! ปลัดคารมยิม้ วิจารณ์ตรงๆ “มินา่ ล่ะ ท่าทางเป็นผูด้ เี ก่าชัดเชียวครับ” “คุณวงศ์เป็นคนประเภทปากร้ายใจดีครับ สีหน้าท่าทางไม่ชวนให้ ใครเข้าใกล้ แต่เวลาใกล้แล้วก็ไม่มีอะไร ข้อส�ำคัญ คุณวงศ์รักยายอรมาก ครับ คอยห่วงใยเอื้ออาทรยังกับเป็นลูกแท้ๆ ทีเดียว” จักร สุรวุธ ขยับตัวอย่างอึดอัดยกแก้วน�้ำส้มขึ้นดื่ม เมื่อลดลงก็ว่า “แถวนี้คงสงบเงียบมากนะครับ คนที่ไม่คุ้นเคยมาอยู่เข้าคงกลุ้มแย่” เจ้าของบ้านยิ้ม มองดูชายหนุ่มอย่างเข้าใจ แน่นอน จักรย่อมไม่ ต้องการให้กรพินธุค์ นทีเ่ ขาหลงรัก มาท�ำงานอยูท่ นี่ ตี่ ามค�ำชวน และคงจะ ต้องใช้ความสามารถทุกอย่างเกลี้ยกล่อมไม่ให้หญิงสาวตกลงใจกับข้อ เสนออันนั้น “คนไม่ค้นุ เคยกับความเงียบอาจจะล�ำบากใจบ้างในตอนแรกครับ แต่ถา้ คนนัน้ มีใจรักธรรมชาติสกั นิดเป็นทุนอยูบ่ า้ ง ก็จะพบว่าอยูไ่ ปแล้ว ที่ นี่ทั้งบริสุทธิ์และทั้งสบายใจ” เขาหยุดชะงักเมือ่ ได้ยนิ เสียงฝีเท้าเบาๆ มุง่ มาทางหน้าห้อง หันหน้า ไปทางประตูแล้วร้องบอกทั้งที่ยังไม่เห็นตัว “เข้ามาซีอร” ทุกคนหันไปมองที่ประตูเป็นตาเดียว ร่างที่ก้าวเข้ามาเนิบช้าและขวยเขินนั้นน่าดูนัก เป็นเด็กสาวอายุ ราว ๑๘-๑๙ ปี เป็นอย่างมาก รูปร่างอ้อนแอ้นอรชรผิวขาวมากจนซีดเซียว ใบหน้ารูปไข่ค่อนข้างยาวเรียวมีเค้าคล้ายพี่ชาย ดวงตาเลื่อนลอยเหมือน คนเคลิ้มฝัน ริมฝีปากบางเรียวปราศจากสีสันเผยอน้อยๆ เห็นไรฟันขาว วับ สิง่ หนึง่ ทีเ่ หมือนนายแพทย์ผ้เู ป็นพีช่ ายอย่างยิง่ ก็คอื สันจมูกทีโ่ ด่งตรง 46

จินตวีร์ วิวัธน์


ตั้งแต่ระดับหัวคิ้วลงมาได้รูปงดงามยิ่ง หล่อนหยุดอยู่ตรงธรณีประตูด้วยท่าทางขัดเขินเอียงอาย ผู้เป็นพี่ จึงเรียก “เข้ามานั่งที่นี่ซิ อร ปลัดกับญาติมาจากกรุงเทพน่ะ ไม่ใช่คนอื่น” สาวน้อยเดินช้าๆ ไปยังเก้าอี้ข้างกายพี่ชาย กรพินธุ์สังเกตเห็นว่า หล่อนสวมชุดอยู่กับบ้านท�ำด้วยแพรสีขาวนวลสวยหรู เกินกว่าจะใช้สวม อยู่ในบ้านกลางชนบทอย่างนี้ แพรที่ยาวกรอมเท้าระพื้นก่อให้เกิดเสียง ส่ายเบาๆ ยามหล่อนย่างก้าว นายแพทย์อิศรายื่นแขนไปโอบไหล่หล่อนอย่างเอ็นดูเมื่อเด็กสาว นั่งลงข้างตัว เขามีวัยสูงกว่าหล่อนมาก จนน่าจะเป็นพ่อลูกกันก็ได้ “อรชุมาเป็นน้องสาวคนเดียวของผมครับ เรามีกนั สองคนเท่านีเ้ อง อายุห่างกันตั้ง ๑๕ ปี...อรรู้จกั ปลัดแล้วใช่ไหม คราวนี้รู้จกั ญาติของท่าน ปลัดเสียซิ คุณก้อยกับคุณจักรไงล่ะ” เด็กสาวยกมือไหว้อย่างแช่มช้อย กิริยามารยาทละมุนละไมของ หล่อนบ่งบอกว่าได้รบั การอบรมมาอย่างดี หากตัดท่าทางขวยเขินไม่มนั่ ใจ ตัวเองออกไปเสียได้ อรชุมา มหเวช จะมีบคุ ลิกน่าสนใจขึน้ อีกมากทีเดียว จักรมองดูหล่อนอย่างทึง่ ในความงาม แล้วนึกในใจว่า ‘หน้าตาดี แฮะ สาวน้อยกว่าก้อยนิดเดียว ยังงี้ถ้าแต่งหน้าแต่งตาสักหน่อยก็พาควง โชว์ได้ไม่อายใครเลย’ “คุณก้อยมาตามหาน้องชายที่หายไปน่ะ อร คงใช้เวลาอยู่ที่ รัตนธานีอีกหลายวัน พี่เลยชวนให้เธอมาช่วยเป็นครูประจ�ำชั้นให้กับยาย บุศ อรว่าไงจ๊ะ?” ดวงตาเรียวยาวของอรชุมาเหลือบมองพีช่ าย ในนัน้ เต็มไปด้วยแวว ประหลาดใจ และดูเหมือนจะมีแววตระหนกฉายอยู่ด้วยจางๆ “อะไรนะคะ?” หล่อนย้อนถามเสียงแผ่ว น�ำ้ เสียงของอรชุมานับว่า พร่าคะแนนนิยมของหล่อนลงไปอย่างน่าเสียดาย เพราะมันแผ่วพร่าค่อน ข้างแหบ ไม่ชดั เจนสดใสอย่างที่เด็กสาวๆ ควรจะเป็นเจ้าของ นายแพทย์อมยิ้ม ฝ่ายจักรก็มองดูหล่อนอีกครั้งนึกในใจว่า มายาพิศวาส

47


‘ว้า! หน้าตาดีจริง แต่เสียงแย่แฮะ แหบยังกะคนแก่’ อรชุมาเหลือบมาทางชายหนุ่มชาวกรุงพอดี สบตากันเข้าอย่างจัง จักรยิม้ ให้กอ่ นอย่างสุภาพระคนกรุม้ กริม่ นิดๆ ตามแบบฉบับ เด็กสาวหน้า แดงขึ้นทันใด หลบตาเขาด้วยท่าทางประหม่า มือไม้บีบกันเป็นพัลวันอยู่ บนตัก แล้วก็ก้มหน้างุดลง “พี่บอกว่าจะชวนให้คุณก้อยมาอยู่ที่นี่ด้วยกันไงล่ะ อร ช่วยสอน หนังสือให้ยายบุศนิดหน่อย แล้วก็เป็นเพื่อนอรด้วย ดีไหม?” “เอ้อ ถ้าพี่อิศเห็นว่าดี อรก็เห็นด้วยค่ะ” หล่อนตอบแผ่วพร่าตาม เดิมโดยไม่เงยหน้าขึน้ “ก้อยยังไม่ได้ตัดสินใจเลยนะคะคุณหมอ พรุ่งนี้จะเรียนให้ทราบ ค�ำตอบค่ะ” กรพินธุ์พูดเบาๆ อรชุมาเหลือบตาขึ้นมองหล่อนอย่างขลาดๆ แล้วแลเลยไปยังชาย หนุม่ หน้าเก๋ทนี่ งั่ ข้างหล่อน สบตาทีม่ องมาพอดีกห็ น้าแดงก�ำ่ ขึน้ อีก ก้มงุด ลงไปตามเดิม “ครับ ผมจะคอยฟังค�ำตอบวันพรุง่ นี้ น่าเสียดายทีย่ ายบุศนอนหลับ อยู่ ม่ายงัน้ จะได้เรียกมาให้คณ ุ ก้อยดูตวั ถ้าคุณเห็นแกแล้วจะสงสารครับ บุศเป็นเด็กน่ารัก ว่านอนสอนง่าย ถ้าไม่เป็นง่อย แกจะไบรท์มาก” สาวใช้คนหนึ่งเดินมาเมียงมองที่หน้าประตูห้องแล้วย่อตัวลงบอก นายแพทย์อศิ ราอย่างเรียบร้อย “มีคนไข้มาขอให้คณ ุ หมอรักษาค่ะ รออยู่ในห้องพยาบาลเล็ก” คุณหมอหนุม่ ใหญ่พยักหน้า ยังไม่ทนั พูดกระไร ปลัดคารมก็เอ่ยขึ้น “ผมมานานแล้วครับ รบกวนเวลาคุณหมอมาก เห็นจะต้องกลับ เสียที” “อ้าว จะไปแล้วหรือครับ ก�ำลังคุยกันสนุก...” เจ้าของบ้านพูดอย่าง เสียดาย แล้วเปลี่ยนสายตามาที่กรพินธุ์ “ผมหวังว่าวันพรุ่งนี้ คงได้รับค�ำ ตอบที่น่ายินดีจากคุณก้อยนะครับ” หญิงสาวยิ้มหวาน “ค่ะ...ก้อยลาเลยนะคะ ทั้งคุณหมอและคุณ 48 จินตวีร์ วิวัธน์


อรชุมา” เด็กสาวร่างอรชรพนมมือ นัยน์ตาปรายไปทางจักร แล้วหลบตาวูบ เมื่อเห็นเขามองมา กิริยานั้นท�ำให้หนุ่มชาวกรุงนึกขัน จึงเอ่ยขึ้นโดยไม่ได้ ตั้งใจ “ลาก่อนครับ คุณอรชุมา ดีใจจริงๆ ทีไ่ ด้ร้จู กั คุณ โอกาสหน้าจะมา ใหม่ครับ” สาวน้อยอายม้วน ไม่ตอบว่ากระไร ปลัดอ�ำเภอหนวดงามลุกขึ้น คณะของเขาก็ลุกตาม นายแพทย์ อิศราและน้องสาวเดินตามไปส่งที่เชิงบันไดหินอ่อน ทั้งสองพี่น้องยืนมองดูรถจี๊ปขะมุกขะมอมคร�่ำคร่าคันนั้นแล่นออก ประตูบ้านไปแล้ว จึงหันมามองหน้ากัน “อรเห็นว่าคุณก้อยเป็นยังไง?” ผู้เป็นพี่ถามพร้อมกับจุดบุหรี่สูบ อรชุมานิ่งไปชั่วอึดใจก็ตอบเสียงแผ่ว “เหมือนมากค่ะ!” ชายหนุ่มชักบุหรี่ออกจากปาก เลิกคิ้วโค้งด�ำจรดหางตาขึ้น มองดู ผู้พูดอย่างตั้งค�ำถาม เด็กสาวแค่นยิ้มนิดหนึ่ง เบือนหน้าไปทางอื่นขณะตอบ “พี่อิศอย่า นึกว่าอรไม่ทราบนะคะ มีอะไรบ้างเกี่ยวกับพี่ชายคนนี้แล้วอรไม่ทราบ? พี่ อิศตามหาคนแบบนีม้ าตลอดชีวติ เมือ่ พบเข้าแล้ว ทีจ่ ะไม่พยายามหาทาง มาไว้ในก�ำมือเห็นจะยาก” พี่ชายหน้าเคร่ง ดวงตาทอประกายขึ้นวูบ แล้วก็จางไปอย่างคน ช�ำนาญในการควบคุมตนเอง “อรรูย้ งั งีก้ ด็ แี ล้ว พีต่ อ้ งการให้เขามาอยูด่ ว้ ย อย่างน้อยก็...” เขาหยุดเหมือนนึกเรียบเรียงค�ำพูด เมื่อเอ่ยอีกครั้ง เสียง เบาลงอย่างไม่สู้ม่นั ใจ “...อย่างน้อยก็เพื่อความรู้สกึ ทางใจของพี่ ซึ่งไม่มี ความสุขมาตลอดชีวิตนับตั้งแต่...เอ้อ อรจ�ำเรื่องได้ดีใช่ไหม?” อรชุมาก้มศีรษะรับ “ค่ะ อรจ�ำได้ และจะไม่ขัดขวางพี่อิศ เพียงแต่ ว่า...” หล่อนนิง่ ไปบ้าง ท่าทางคล้ายนึกเรียบเรียงค�ำพูด แล้วจึงพูดต่อเนิบ ช้า “พี่อิศต้องรับประกันนะคะว่าทุกอย่างภายในบ้านจะเหมือนเดิม ถ้า มายาพิศวาส

49


คุณก้อยอะไรนี่มาอยู่ด้วย” “พี่จะพยายามอย่างที่สุดจ้ะ อร แต่กต็ ้องอาศัยความร่วมมือของ อรด้วย พยายามควบคุมตัวเองหน่อย อย่าให้เขารู้เบาะแส” เด็กสาวหน้าเศร้าลงไปถนัด ถอนใจยาว แล้วพูดอย่างกลัดกลุ้ม “ขอเวลาให้อรเข้มแข็งกว่านีอ้ กี สักนิดเถอะค่ะ อรเชือ่ ว่าคงบังคับตัวเองให้ อยู่ในขอบเขตได้” “ดีแล้ว เราจะร่วมมือกันทุกวิถที างเพือ่ เอาชนะเรือ่ งนี.้ ..ส�ำหรับเรือ่ ง คุณก้อย พี่รู้ตัวดีว่าบ้ามากที่ชวนเขาเข้ามาท�ำงานอยู่ด้วย แต่พี่ก็...ไม่มี ทางเลือกจริงๆ นะ อร ท่าทางคุณก้อยคงฐานะไม่ดนี ัก และถ้าเธอรู้ความ จริงเกี่ยวกับน้องชายคนเดียว เธอคงเสียใจแทบเป็นบ้าเป็นหลัง พี่ควรจะ ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเธอจึงจะถูกต้อง และอรก็ควรจะร่วมมือกับพี่ คบหา เป็นมิตรกับคุณก้อยด้วยนะ” “อรไม่ว่าอะไรหรอกค่ะพี่อศิ ขออย่างเดียว อย่าให้เขามาแย่งพี่อิศ ไปจากอรและจากบ้านฟ้าหยาดนี้ก็แล้วกัน” หมออิศราชะงัก เมื่อได้ยินประโยคนั้นจากน้องสาว เหลือบมอง หน้าหล่อนครั้นเห็นแววเคร่งเครียดเอาจริงบนใบหน้าเขาก็ถอนใจ ยื่นมือ ไปโอบไหล่พูดอย่างอ่อนโยน “พี่ก็ไม่ยอมให้ตวั เองถูกใครแย่งไปจากอรได้หรอกจ้ะ” สีหน้าของเด็กสาวดีขนึ้ หล่อนเอ่ยเบาๆ “คนไข้รอพีอ่ ศิ อยูไ่ ม่ใช่หรือ คะ เชิญเถอะค่ะ อรจะไปถักเสื้อต่อ” นายแพทย์หนุ่มพยักหน้า เดินแยกไปอีกทางหนึ่ง ส่วนอรชุมาเดิน ตัดห้องใหญ่ข้นึ บันไดไปชั้นบน เปิดประตูเข้าไปในห้องส่วนตัวของหล่อน แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นใคร คนหนึ่งนั่งวางท่าสง่าอยู่บนเก้าอี้กลางห้อง คุณสมวงศ์น่นั เอง สีหน้าขมวดมุน่ บึง้ ตึงของแม่บา้ นใหญ่คลายลงเล็กน้อยเมือ่ เห็นเด็ก สาว หล่อนลุกขึ้นเดินตรงไปจับแขนพยุงร่างบอบบางนั้นไปยังเก้าอี้โยก 50

จินตวีร์ วิวัธน์


“พี่ชายคุณอรบอกเรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?” หล่อนถามเสียงแหลมรัว มองหน้าอย่างคาดคั้นเอาค�ำตอบ “เรื่องไหนคะ ถ้าเรื่องจ้างครูคนใหม่ให้บศุ ละก็บอกแล้วค่ะ” “คุณอรว่าไง?” อรชุมาแค่นยิม้ “อรจะว่าอะไรได้คะ มันแล้วแต่ความพอใจของพีอ่ ศิ ” “คุณอร...” แม่บ้านเสียงดัง เบิกตากว้างจ้องหน้าเด็กสาวเหมือน ไม่เคยเห็น “...นี่คุณอรโดนคุณพี่ล้างสมองมาหรือคะ อีฉันรู้สึกผิดคาด จริงๆ นึกว่ายังไงๆ คุณอรคงไม่ยอมแน่ๆ” “ไม่ยอมได้หรือ? ถ้าเป็นความพอใจของพีอ่ ศิ อรก็ยอมทัง้ นัน้ แหละค่ะ” “ตายแล้ว!...” แม่บา้ นทิง้ มือลงข้างตัวโดยแรง สีหน้าบอกความไม่ พอใจอย่างเอกอุ “...คุณอรท�ำไมพูดอย่างนี้ แล้วเรื่องนั้นล่ะคะ?” เด็กสาวถอนใจยาว ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ พูดอย่างท้อแท้ “แล้วแต่ บุญแต่กรรมเถอะค่ะ คุณวงศ์ อรไม่วติ กกับมันอีกแล้ว คุณวงศ์กอ็ ย่ากลุ้ม นักเลย จะประสาทเสียเอาง่ายๆ เอ้อ ขอนมร้อนๆ ให้อรสักแก้วได้ไหมคะ รู้สึกหิว” คุณสมวงศ์มองหน้าเด็กสาวที่รักเหมือนลูกอย่างอัดอั้นตันใจ แต่ ไม่ปริปาก รีบเดินออกไปจากห้องโดยเร็ว อรชุมาถอนใจอีกครั้ง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้หลับตานิ่ง รู้ดีว่าวิธี เดียวทีจ่ ะให้คณ ุ สมวงศ์ออกไปเสียจากห้องก็คอื ขอให้จดั การเรือ่ งปากท้อง ของหล่อน เพราะแม่บ้านใหญ่ห่วงใยเรื่องสุขภาพและอาหารการกินของ หล่อนยิ่งกว่าอื่นใด น้องสาวของนายแพทย์อิศรายกมือขึ้นประสานอก ส่งความคิด เลื่อนลอยไปตามอารมณ์อย่างเคลิบเคลิ้ม แล้วมุมปากหยักโค้งเป็นรูป กระจับก็เผยอยิ้มน้อยๆ พร้อมกับผิวหน้าอันซีดเซียวกลับระเรื่อขึ้นน้อยๆ หล่อนก�ำลังนึกถึงรอยยิ้มอันมีเสน่ห์ และดวงตาอันเต็มไปด้วย ประกายความมีชีวิตจิตใจอันน่าใฝ่หาของ จักร สุรวุธ ชายหนุ่มชาวกรุงผู้ มากับ ‘คุณครูคนใหม่’ ผู้น้นั ... มายาพิศวาส

51


๖ “ว่าไง ก้อยตัดสินใจเรื่องค�ำชวนของหมออิศราหรือยัง?” ปลัดอ�ำเภอคารมเอ่ยปากถามญาติสาวในตอนค�่ำวันนั้น ก่อนออกไปรับ ประทานอาหารเย็นด้วยกัน กรพินธุ์เงยขึ้นยิ้มให้ “พี่รมว่าไงล่ะคะ?” “อ้าว! มันเป็นเรื่องที่ก้อยต้องตัดสินใจเองนี่ แต่ถ้าถามความเห็น ของพี่ พี่ก็บอกได้ว่าหมอเป็นคนดี ใครๆ ก็รัก คลินิกของหมอมีคนไข้แน่น ทั้งวัน แต่ไม่ค่อยได้สตางค์หรอกนะ คนไข้จนๆ ไปหา หมอก็รักษาฟรีรวม ทัง้ ยาด้วย ใครๆ ถึงได้รกั กันนักไงล่ะ พีว่ า่ ถ้าหมอสมัครผูแ้ ทนคงได้คะแนน น�ำลิ่วเลยเชียว” “แล้วโดยส่วนตัวของคุณหมอล่ะคะ พี่รมมีอะไรแนะน�ำบ้าง?” “ว่าถึงนิสัยทั่วไปก็ดีนี่ ก้อย อ่อนโยน สุภาพ ใจเย็น แถมยังร�่ำรวย มหาศาล มีมรดกเยอะแยะเพราะแม่เป็นเจ้า เด็กบุศมาลีที่จะให้ก้อยสอน หนังสือน่ะพี่เคยเห็นแล้ว เป็นเด็กดีทเี ดียว ท่าทางเจียมตัวที่พิการ เลยไม่ ดื้อไม่เฮี้ยว” กรพินธุ์ท�ำท่าถอนใจ มองหน้าปลัดหนวดงามแล้วพูดยิ้มๆ “รู้สึก ว่าพี่รมเชียร์คุณหมอคนนี้จังนะคะ ฟังตามที่ว่านี่ เขาออกจะดีเกินคน ธรรมดาไปแล้วนะ” ปลัดหนุ่มหัวเราะ “ก็พี่มองเห็นอย่างงั้นนี่นา แต่อย่างว่าแหละนะ 52 จินตวีร์ วิวัธน์


คนเราไม่มใี ครดีพร้อมสมบูรณ์แบบไปหมดหรอก มีขอ้ บกพร่องด้วยกันทัง้ นั้น พี่สังเกตดู หมออิศท่าทางไม่ค่อยมีความสุขนักหรอก หน้าตาเขาดู เศร้าๆ ตาซึมตลอดเวลาเหมือนคนมีความในใจยังงั้นแหละ ไม่รู้ว่าทุกข์ อะไร นั่งบนกองเงินกองทองออกยังงั้น” “คนรวยบทจะทุกข์ขนึ้ มาละก็หนักกว่าคนจนหลายเท่านะคะ พีร่ ม ก้อยคิดว่าก้อยตัดสินใจได้แล้วละ” ปลัดหนุม่ เลิกคิว้ “เรือ่ งไปท�ำงานกับหมอน่ะหรือ? ว่าไง เยส หรือ โน?” “พี่รมทายได้ไหมคะ?” “พี่ทายว่าเยส” กรพินธุ์หวั เราะ “นี่แสดงว่าพี่รมรู้ใจก้อยดี...ตกลงก้อยจะรับงานนี้ ค่ะ มีเหตุผลหลายอย่างชวนให้รับ อย่างแรกก็คือปากท้อง ก้อยก�ำลัง ตกงานแทบไม่มจี ะกินอยู่แล้ว ถ้าได้งานดีท�ำไมจะไม่รีบคว้า จริงไหมคะ? แล้วอีกอย่างหนึ่งอยู่ท่นี ั่นยังใกล้พี่รม ถ้ามีเรื่องเดือดร้อนก็พอวิ่งหากันได้ ดีกว่าอยู่กรุงเทพเสียอีก ที่นั่นก้อยไม่มใี คร ส่วนประการสุดท้ายที่ส�ำคัญ ที่สุดก็คือ ก้อยต้องค้นหาเบาะแสตากิ่งให้ได้ค่ะ น้องทั้งคน ก้อยไม่ยอม ให้เรื่องเงียบไปแน่” คารมพยักหน้า มองดูหญิงสาวด้วยความพอใจ “ก้อยรักน้องมากนะ” “โธ่! เรามีกันสองคนพี่น้องเท่านั้นนี่คะ ตากิ่งก็ท�ำตัวเป็นน้องที่ดี ท�ำงานได้เงินมาก็ช่วยก้อยออกค่าเช่าบ้าน ค่ากินอยู่สารพัด งานบ้านก็ ช่วยท�ำ ไม่เคยเกี่ยงเลย หาเด็กผู้ชายดีๆ อย่างตากิ่งน่ะหาไม่ได้ง่ายนัก หรอกค่ะ” “เอาเถอะ ถ้าก้อยตัดสินใจแน่แล้วก็ดี เรื่องทางกรุงเทพคงไม่มี ปัญหา พี่จะบอกกุสุมาให้จัดการให้ทั้งหมด ส่วนก้อยก็เริ่มท�ำงานตั้งแต่ พรุ่งนี้เลยซีนะ” “ต้องแล้วแต่คณ ุ หมอค่ะ” “แล้วแฟนคนนัน้ ล่ะ...” ปลัดหนุม่ บุย้ ปากไปทางห้องรับแขกซึง่ จักร สุรวุธ นัง่ รออยู่ ขณะนีท้ งั้ สองยืนคุยกันอยูห่ น้าครัวเล็กๆ ของบ้านพักปลัด มายาพิศวาส

53


คารม “เขาจะยอมให้ก้อยอยู่ท่นี ี่หรือ?” กรพินธุ์หวั เราะดังๆ “เขาไม่ใช่เจ้าของหัวใจก้อยนี่คะ ก้อยคบเขา อย่างเพื่อน ไม่ได้รักเขาเสียหน่อย” “แต่เขาคงรักก้อยมาก” “มันเป็นเรื่องของเขาค่ะ ช่วยไม่ได้” ปลัดหนุ่มยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา แล้วว่า “ไปกันเถอะ พี่หิวข้าวแล้ว นัดเพื่อนฝูงไว้ ๒-๓ คนที่ร้านอาหาร วันนี้จะเลี้ยงฉลองต้อนรับก้อยเสีย หน่อย รับขวัญการมาเยือนภูฟ้าหยาด” คนทัง้ สองเดินไปทางห้องรับแขกและชวนจักรลงจากบ้านไปขึน้ รถ จี๊ปคันเดิม มุ่งหน้าไปยังภัตตาคารใหญ่ของจังหวัด ทีน่ นั่ ปลัดอ�ำเภอหนุม่ แนะน�ำสองหนุม่ สาวให้รจู้ กั กับเพือ่ นของเขา ซึ่งมีทั้งต�ำรวจ แรงงานจังหวัดและแขวงทางหลวงประจ�ำอ�ำเภอฟ้าหยาด ร.ต.ท.พิชญ์ศกั ดิ์ สันติพฒ ุ เพือ่ นรุน่ น้องของปลัดคารม เป็นคนหนุม่ วัยไล่เลีย่ กับจักร และท�ำให้หนุม่ ชาวกรุงไม่สบายใจอย่างมาก ทีเ่ ห็นผูก้ อง หนุ่มจับตามองเพื่อนหญิงของเขาด้วยแววชื่นชมลึกซึ้ง แรงงานจังหวัดซึ่งเป็นคนหนุ่มเหมือนกันนั้นชื่อวิทัศน์ สุกรีกุล มี ท่าทางเป็นผู้ใหญ่เกินตัว พูดจาเป็นหลักน่าฟัง ส่วนแขวงทางหลวงนั้น เอาแต่ร�่ำสุราและพูดน้อย การรับประทานอาหารเย็นร่วมกันวันนั้นเป็นไปอย่างครึกครื้น สนุกสนาน กรพินธุเ์ ป็นหญิงสาวทีร่ า่ เริงแจ่มใส หล่อนน�ำมาซึง่ ความสดชืน่ เบิกบานแก่ผู้ได้พบปะสนทนาด้วย อารมณ์ขันของหล่อนก็เป็นเสน่ห์อีก อย่างที่ดึงดูดผู้คนให้สนใจใคร่พูดคุยด้วย เพียงชั่วเวลา ๒-๓ ชั่วโมงที่ภัตตาคารแห่งนั้น หล่อนก็สามารถผูก ใจนายต�ำรวจหนุ่มให้คะนึงหาอย่างเหนียวแน่นเสียแล้ว เมื่อถึงเวลาแยก จากกัน นายต�ำรวจจึงมองตามตาละห้อย ในขณะที่จกั รนึกเขม่นจนแทบ ระงับไม่อยู่ “หวังว่าคุณก้อยคงให้เกียรติผมได้พบปะอีกบ้างนะครับ ถ้ามีธุระ 54 จินตวีร์ วิวัธน์


อะไรก็เชิญที่โรงพักได้ทุกเวลานะครับ” เขาสั่งเสียก่อนแยกจากกัน กรพินธุ์หวั เราะกิ๊ก “อุ๊ย! ก้อยไม่อยากพบต�ำรวจนักหรอกค่ะ ยิ่ง โรงพักแล้ว ถ้าไม่จ�ำเป็นก็ไม่อยากขึ้นเลย กลัวใครจะคิดว่าถูกจับเข้าห้อง ขัง” ว่าแล้วหล่อนก็เดินตามปลัดอ�ำเภอออกมาที่หน้าภัตตาคาร ชายคนหนึ่ง แต่งกายแบบลูกทุ่งวิ่งหน้าตาตื่นกรากเข้ามาหา ร.ต.ท.พิชญ์ศักดิ์ พูดละล�่ำละลักฟังไม่ได้ศพั ท์ “หมวดคร้าบ เร็ว ช่วยด้วย นังเป้าลูกสาวผมครับ โอ๊ย! เร็วๆ ไป ช่วยกันหน่อย” “อะไรกัน ลูกสาวเราเป็นอะไร?” ผู้หมวดหนุ่มซึ่งเดินตามกรพินธุ์ มาติดๆ ถาม ลูกทุง่ วัยกลางคนแทบเต้น ชีม้ อื ชีไ้ ม้วนุ่ วาย “ลูกสาวผมคร้าบ มัน... มันเจอเข้าให้แล้ว...ทีโ่ น่น ชายป่า ตอนนีอ้ ยูร่ า้ นหมอครับ หมวดไปดูหน่อย ผมกลัวมันจะตาย...” “เจออะไรอีกล่ะ?” นายต�ำรวจซัก แต่สหี น้าเผือดลงคล้ายนึกรู้ค�ำ ตอบก่อนแล้ว ส่วนปลัดคารมมีทา่ ทางสนใจ พึมพ�ำออกมาเบาๆ โดยไม่ตงั้ ใจ “คืน นี้วันเพ็ญนะหมวด” ใบหน้าของผู้หมวดหนุ่มขรึมไป เมื่อได้ยินประโยคนั้น หันไปถาม ชายวัยกลางคน “พูดให้ชดั ๆ ซี ลูกสาวเราไปเจออะไรเข้า?” “ก็เจอไอ้หยัง่ ทีว่ า่ น่ะซีครับ...” แกท�ำตาเหลือกลานมองไปทางเทือก เขาที่อยู่ห่างออกไป “วิญญาณนังผีนั่นออกอาละวาดอีกแล้วครับ นังเป้าไปเจอเข้า วิ่ง หนีมันหัวซุกหัวซุน หกล้มกิ่งไม้ทิ่มหน้าอกเป็นแผล แต่มันไม่ยักกลัวเจ็บ พร�่ำเพ้อแต่ว่ากลัวผีตนนั้น” “เราไปดูกันเถอะครับ” ปลัดอ�ำเภอเป็นฝ่ายชวน ท่าทางของเขา เต็มไปด้วยความสนใจใคร่รู้ มายาพิศวาส

55


“ก้อยไปด้วยนะคะ” กรพินธุร์ บี บอก และนึกดีใจเมือ่ ญาติหนุม่ ของ หล่อนพยักหน้า ทั้งสามคนรีบไปขึ้นรถจี๊ป แล้วขับตามรถคันเล็กของผู้หมวดหนุ่ม มุง่ หน้าไปยังคลินกิ ใหญ่กลางเมือง ขณะนัง่ ไปด้วยกัน ปลัดหนุม่ หลุดปาก ออกมาเบาๆ “นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนถูกผีหลอก แล้วมาแจ้งต�ำรวจ ทุกๆ รายมัก แจ้งหมอผี...ก้อยโชคดีนะ มาฟ้าหยาดคืนแรกก็เจอเรื่องสนุกเข้าให้ อาถรรพณ์คืนเพ็ญที่นี่ตามค�ำลือไงล่ะ ประเดี๋ยวเราก็รู้ว่า หน้าตาของ วิญญาณร้ายที่สิงอยู่ในทุ่งธารทองใกล้บ้านหมอน่ะ หน้าตาเป็นยังไง” เมื่อทุกคนไปถึงคลินิก ‘อิศรา’ นั้นเป็นเวลา ๒๓.๐๐ น. พอดี เจ้าของคลินิกไม่อยู่ มีแต่แพทย์คนอื่นประจ�ำแทน เขามองดูคณะ ของปลัดอ�ำเภอและนายต�ำรวจอย่างแปลกใจเล็กน้อย ยิ้มและกระเซ้าว่า “โอ้โฮ! มีญาติคนถูกผีหลอกมาเยี่ยมมากยังงี้เชียวหรือครับ?” ร.ต.ท.พิชญ์ศักดิ์ถามทันที “คนป่วยเป็นยังไงบ้าง หมอ?” นายแพทย์หนุ่มวัยไม่เกิน ๒๕ ยักไหล่ “เหมือนรายอื่นแหละครับ ตื่นเต้นตกใจจนเกินขนาด มีบาดแผล ด้วย ผมให้ยากล่อมประสาทแล้วค่อยพูดกันรูเ้ รือ่ งหน่อย หมวดจะซักถาม ก็รีบๆ เข้าก่อนที่คนไข้จะหลับ” เขาผายมือไปทางห้องคนป่วยด้านใน ผู้หมวดหนุ่มก็กรากเข้าไป ทันที ดูเหมือนทางคลินกิ ไม่ตอ้ งการให้เรือ่ งนีอ้ อื้ ฉาวจนคนไข้อนื่ เสียขวัญ จึงแยกผู้ป่วยไว้ในห้องเดี่ยวขนาดเล็กตามล�ำพัง ไม่มคี นอื่นปะปนด้วย ผู้นอนบนเตียงพยาบาลเป็นหญิงสาวอยู่ ผิวคล�้ำ อายุรุ่นราวคราว เดียวกับกรพินธุ์ แม้ว่าจะได้รบั การเยียวยาให้คลายจากความตืน่ ตกใจไป มากแล้ว แต่เค้าความตระหนกและสยองขวัญยังฉายให้เห็นบนสีหน้าและ ในแววตา พอเห็นบิดาเดินน�ำคณะนายต�ำรวจเข้าไป หล่อนก็ท�ำท่าจะผุด 56

จินตวีร์ วิวัธน์


ลุกขึ้นนั่ง “นอนเสีย อีเป้า...” พ่อของหล่อนสั่ง “...พ่อพาผูห้ มวดมาแล้วว่ะ ท่านคงจะจับอีผที หี่ ลอกเอ็งให้ได้หรอกน่ะ” หญิงสาวยกมือปิดหน้า เนื้อตัวเริ่มสั่นน้อยๆ ด้วยความกลัว “โอย! ต�ำรวจที่ไหนจะจับผีได้?...มันน่ากลัวจริงๆ นะจ๊ะ ฉันกลัว มันเหลือเกิน...เกิดมาไม่เคยกลัวอะไรเท่านี้มาก่อนเลย” “เล่าให้เราฟังซิ เป้า ว่าเธอเห็นอะไร?” ผู้หมวดหนุ่มบอก ท่าทาง กระอักกระอ่วนใจ เพราะถูกตามให้มาฟังเรือ่ งราวทีค่ นหนุม่ ทันสมัยอย่าง เขาไม่เคยเชื่อมาก่อน “เห็นผีน่ะซีจ๊ะ ผู้หมวด น่ากลัวที่สุดเลย มัน...มัน...” หล่อนยังคง ปิดหน้าปิดตาเช่นนั้น ท่าทางทุกข์ทรมานด้วยความกลัวอันเหลือระงับ ปลัดคารมท�ำเสียงนุ่มนวลอย่างปลอบมาอีกคน “มันท�ำอะไรเธอ ไม่ได้แล้วละ เป้า เธอปลอดภัยแล้ว พ่อก็อยูน่ เี่ ห็นไหม...ลองระงับอกระงับ ใจเล่าให้ฟังหน่อยซิ อยากรู้ว่าผีท่หี ลอกเธอหน้าตาเป็นยังไง จะได้หาทาง ปราบ” เสียงนุม่ ของเขา นับว่าได้ผลทางจิตใจไม่นอ้ ย เด็กสาวชาวบ้านลด มือจากใบหน้า จ้องมองปลัดคารมแล้วพูดคาดคั้น “จริงๆ นะจ๊ะ ปลัดต้องปราบมันให้ได้นะ มันน่ากลัวเหลือเกิน ขืน ปล่อยไว้ต้องมีคนตายเพราะถูกมันหลอกแน่ๆ” “ก็ถา้ เธอมัวแต่พดู ว่าน่ากลัวๆ อยูย่ งั งีเ้ มือ่ ไหร่เราจะรูเ้ รือ่ งสักที แล้ว จะปราบมันได้ยังไงเล่า” ร.ต.ท.พิชญ์ศักดิ์มีความอดทนน้อยกว่าเอ่ยขึ้น ผู้เป็นพ่อของเป้าส�ำทับมาอีกคน “เล่าไปซีวะ นังเป้า ข้าก็อยากรู้ เหมือนกัน ตะกี้ฟังเอ็งร้องกรี๊ดกร๊าดไม่รู้เรื่องว่ะ” เด็กสาวนิง่ อัน้ ท่าทางเหมือนต่อสูก้ บั ความหวาดกลัวในใจ แต่เมือ่ ปลัดอ�ำเภอผู้เชี่ยวชาญในการปลอบโยนหว่านล้อม กล่าวปลอบอีกพัก หนึ่ง หล่อนก็เริ่มเล่าเรื่องสยองขวัญที่ได้พบเห็นมาให้ฟัง... ...ค�่ำวันนั้น เป้าเดินกลับบ้านพร้อมกับเพื่อนหญิงคนหนึ่งไปตาม มายาพิศวาส 57


ทางทีท่ อดขนานกับทุ่งธารทองอันขึน้ ชือ่ ลือชา เมือ่ มีเพือ่ นไปด้วยเด็กสาว ไม่นกึ หวัน่ เกรงอะไร เดินคุยหัวเราะต่อกระซิกอย่างสนุกสนานตามประสา สาวรุ่น ต่อเมื่อเพื่อนแยกเข้าบ้านไปแล้ว และตัวเองพบว่าก�ำลังเดินอยู่ เดียวดายใกล้กบั ทุง่ ร้างอันลือกันว่าเป็นทีส่ งิ สูข่ องวิญญาณร้าย ใจคอของ เป้าก็เต้นตึกตักขึ้นมาทันที แต่ความที่เป็นคนแก่นคนซนประจ�ำหมู่บ้าน จนเป็นที่กล่าวขวัญทั่วไปว่า “อีเป้ามันไม่กลัวใครเลย ไม่ว่าคนหรือผี!” มันท�ำให้หล่อนเกิดทิฐทิ จ่ี ะแสดงให้ใครๆ เห็นต่อไปว่า ตนเองนัน้ ไม่กลัวผี ตามค�ำกล่าวชม แม้จะเป็นผีที่ทุ่งธารทอง ซึ่งใครๆ ก็หวาดหวั่นนั้นก็ตาม เป็นเวลาประมาณสองทุ่มเศษ พระจันทร์วนั เพ็ญลอยเห็นเป็นดวง กลมโตอยูเ่ หนือยอดไม้ ทอแสงสีนวลสุกสกาวไปทัว่ ปริมณฑล เป้าเร่งฝีเท้า จ�้ำเดินโดยเร็วนึกปลอบใจว่า หล่อนเดินบนถนนขนานไปกับท้องทุ่ง วิญญาณร้ายมันคงไม่ออกมาตามขอบทุ่งใกล้ทางเดินหรอกน่ะ... คิดไป เท้าก็เร่งซอยถี่จนเกือบกลายเป็นวิ่งโดยไม่รู้ตวั จนกระทั่งหล่อนแว่วเสียง นั้น... เป็นสุ้มเสียงประหลาดแปลกหูที่สุด ซึ่งเด็กสาวชาวชนบทไม่เคย ได้ยินได้ฟังมาก่อนเลย ท�ำให้อารมณ์ที่พลิ้วไหวด้วยความพรั่นพรึงพลัน สงบลง เกิดอาการอื่นมาแทน คือความเคลิบเคลิ้มเลื่อนลอย หลงใหลไป กับท่วงท�ำนองเสียงนั้นอย่างไม่น่าเป็นไปได้! มันเป็นเสียงดนตรีชนิดหนึ่ง หวานวิเวกนุ่มนวลไพเราะนักหนา... ไพเราะจนไม่นา่ เชือ่ ว่าจะมีมนุษย์ปถุ ชุ นคนใดสามารถท�ำเสียงเช่นนีข้ นึ้ ได้ ด้วยเครื่องมือที่สร้างขึ้นบนพื้นโลกนี้ ความไพเราะของมันแทรกซึมเข้า ครอบง�ำจิตใจเด็กสาวอย่างไม่มที างต่อต้าน หล่อนบอกตัวเองว่า เสียงนัน้ ชวนใฝ่หาและติดตามยิ่งนัก มันทั้งเร้าทั้งเร่ง ทั้งออดอ้อนเว้าวอน และทั้งข่มขู่คุกคาม เพื่อให้ผู้ ฟังกระท�ำตามความประสงค์ของเจ้าของเสียงทิพย์นั้น เป้าหมดความเป็นตัวของตัวเองอย่างสิ้นเชิง... ด้วยอาการเคลิบเคลิ้มหลงใหลเลื่อนเปื้อนคล้ายตกในภวังค์ฝัน 58 จินตวีร์ วิวัธน์


หวานซึง้ เด็กสาวชาวบ้านฟ้าหยาดหมุนกายเปลีย่ นทิศทางเดินทันที จาก เลียบถนนริมทุ่งเป็นบุกเข้าไปสู่ความรกเรื้อใจกลางทุ่งร้าง สวบ...สวบ...สวบ... เสียงบุกพงหญ้ารกของหล่อนถล�ำลึกเข้าไปทุก ขณะด้วยความมุ่งมั่นอยู่ แต่ว่าจะขอประสบพบพานเจ้าของเสียงเพลง กังวานเจื้อยแจ้วจากดนตรีทิพย์นั้นให้จงได้

มายาพิศวาส

59


จวบจนกระทัง่ ความมืดของแมกไม้ใบหนาใจกลางท้องทุง่ แผ่ ครึ้มอยู่เหนือหล่อนอย่างน่าพรั่นพรึงเป้าจึงได้คิด เพราะว่าขณะนั้นเสียง ดนตรีประหลาดที่เร่งเร้าให้ติดตามหาเหมือนต้องมนตร์นั้นหยุดเงียบไป แล้ว ทุกหนทุกแห่งขณะนี้เต็มไปด้วยความเงียบและเงียบ...ปราศจากแม้ เสียงจักจัน่ ลองไนกรีดปีกตามธรรมชาติของมัน เมือ่ กลับเป็นตัวของตัวเอง อีกครั้ง ความหวาดกลัวก็เริ่มเข้ามาครอบคลุมจิตใจอย่างรุนแรง เป้าเหลียวมองรอบตัว ใจหายวาบหว�ำเมื่อประจักษ์ว่า หล่อนได้ บุกเข้ามาอยู่กลางทุ่งร้างธารทองอันเป็นที่สิงสู่ของวิญญาณร้ายเสียแล้ว ไม่มีทางใดดีไปกว่าวิ่งออกไปจากที่น้ี โดยเร็วที่สุด เด็กสาวขยับตัว แต่ดู เหมือนจะช้าไปเสียแล้ว... เงาอะไรบางอย่าง ด�ำมืดยิ่งกว่าเงาทะมึนของแมกไม้โดยรอบ ซึ่ง ดูเหมือนแอบซุ่มคอยทีอยู่ในเงามืดตลอดเวลานั้น ค่อยๆ เยื้องกรายออก มาให้เห็นว็อบแว็บในระหว่างกิ่งไม้ แสงเดือนเพ็ญสกาวส่องลอดกิง่ ไม้ลงมาบางส่วน เป้ามองเห็นเสือ้ แพรยาวกรุยกรายสีด�ำสนิทที่ร่างนั้นสวมใส่ปลิวไหวพลิ้วอยู่ในแรงลม หล่อนไม่เห็นหน้าถนัดเพราะก้มงุดจนคางจรดอก แถมมีแถบแพร พันรอบศีรษะอีกด้วย แต่กระนั้นสัญชาตญาณก็บอกว่าร่างนี้ไม่ใช่มนุษย์ 60

จินตวีร์ วิวัธน์


ปุถุชนเป็นแน่ ‘ผี!’ หล่อนร้องบอกตัวเองในใจเต็มเสียง เท้าดูเหมือนจะว่องไวกว่าสมองเสียอีก มันพาหล่อนออกวิ่งตะบึง จากทีต่ รงนัน้ ทันที หัวซุกหัวซุนไปในระหว่างแมกไม้กลางทุง่ แล้วความรีบ ร้อนลนลานก็ท�ำให้เป้าสะดุดรากไม้ หกล้มหน้าคะม�ำลงจูบดินเต็มรัก ตรงหน้าหล่อนเป็นแอ่งน�้ำไม่เล็กนัก ขังน�้ำฝนไว้ใสแจ๋ว เด็กสาว พยายามยันกายลุกขึน้ นัยน์ตาเหลือบดูนำ�้ ในแอ่งตรงหน้าโดยบังเอิญ แต่ ภาพทีเ่ ห็นท�ำให้ชะงักแข็งทือ่ อยูใ่ นท่าเดิมเหมือนกลายเป็นอัมพาตไปอย่าง เฉียบพลัน แสงเดือนกระจ่างแจ่มจ้าสาดส่องต้องน�้ำในแอ่งใหญ่พอดิบพอดี มันสะท้อนให้เห็นถนัดถึงร่างหนึง่ ทีช่ ะโงกเงือ้ มอยูเ่ บือ้ งหลังหล่อน เป้าเบิก ตากว้าง จ้องมองร่างนัน้ ด้วยความรูส้ กึ เหมือนจะขาดใจไปด้วยความหวาด กลัว เป็นร่างสตรีในชุดยาวกรอมเท้าคนนั้นนั่นเอง บัดนี้ ร่างนั้นค่อยๆ ยกมือขึ้นเปลื้องผ้าที่คลุมรอบศีรษะออกช้าๆ เนิบเนือยเหมือนจะแกล้งให้ผพู้ บเห็นขาดใจตายด้วยความหวาดหวัน่ แพร ด�ำผืนยาวหลุดออกจากศีรษะแล้ว แสงเดือนสาดกระจ่างลงกระทบศีรษะ และดวงหน้านั้นเต็มที่ มองจากเงาในน�้ำใสเห็นเกือบชัดเท่าของจริง นัยน์ตาของเป้าเหลือกถลนแทบหลุดออกนอกเบ้าเมือ่ มองเห็นถนัด คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วยเถิด!...หล่อนไม่คิดเลยว่าเกิดมาจะมี โอกาสได้พบเห็นอะไรที่น่าสยองขวัญสั่นประสาทขนาดนี้มาก่อนเลย บนศีรษะของร่างประหลาดนั้นปกคลุมด้วยผมเส้นใหญ่อย่างน่า อัศจรรย์ บางเส้นโตเท่านิ้วก้อย บ้างเท่าหัวแม่มอื และบ้างก็เกือบเท่าข้อ มือเด็ก ล้วนแต่ไม่อยู่น่งิ เคลื่อนไหวยุ่งเหยิงตลอดเวลา เดี๋ยวยืดออกยาว เฟื้อย เดี๋ยวหดเข้าเป็นก้อนกลม เดี๋ยวท�ำอาการยึกยักเหมือนจะโผพุ่งตัว และเดี๋ยวก็ส่ายไหวไปมาราวกับมีชีวิตเป็นอิสระ และมันก็เป็นอิสระจริงๆ เพราะว่านั่นไม่ใช่เส้นผม... หากเป็น มายาพิศวาส

61


อสรพิษแท้ๆ จ�ำนวนนับร้อยนับพันเกาะกันแน่นปกคลุมอยู่บนศีรษะร่าง ร้ายนั้นเหมือนเป็นวิกอันน่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลก ร่างนี้มผี มเป็นงู! ไม่ทันดูหน้าให้ชัดเจน เพราะเห็นเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว เป้ารู้สึก เหมือนช็อกไปชั่วขณะด้วยความกลัวสุดขีด แต่แล้วเมื่อศีรษะสยองนั้นค่อยๆ โน้มต�่ำลง สัญชาตญาณเอาตัว รอดก็ช่วยเป้าไว้ในนาทีสุดท้ายนั่นเอง หล่อนเสือกตัวเต็มแรง ตกลงไปในแอ่งน�้ำใสนั้น เคราะห์ดที ี่มันไม่ ลึก เด็กสาวพุ่งตัวกระเสือกกระสนไปในน�้ำจนอกเกยปะทะฝั่ง หล่อนก็ ตะกายทรงตัวขึน้ แล้วเผ่นโผนไปข้างหน้าสุดแรงเกิด ปากก็สง่ เสียงร้องกรีด ก้องแหลมสนั่นหวั่นไหว ไม่ยอมหยุดด้วยความกลัวอันแทบจะท�ำให้ วิกลจริตไปชั่วขณะ จวบจนกระทั่งพ้นทุ่งออกมาสู่แนวถนน ชาวบ้านกลุ่มใหญ่ก็เดิน ผ่านมาพอดี และพวกนีเ้ องทีพ่ าหล่อนส่งคลินกิ หมออิศราและไปตามนาย ปิ่น พ่อของหล่อนให้มาดูอาการและรับฟังเรื่องราวของลูกสาว… “โอ๊ย มันน่ากลัวจริงๆ น่ากลัวที่สุด มันมีผมเป็นงูทั้งหัว โอย...” เป้ายกมือปิดหน้า คร�่ำครวญออกมาอีกอย่างเหลืออดเหลือทน ดูเหมือน การเล่าเรื่องราวที่ได้ประสบพบพานมาจะท�ำให้หล่อนประสาทเสียไปอีก ครั้ง เสียงร้องโหยหวนครั้งนี้ไม่เบานัก ท�ำให้นางพยาบาลถลันเข้ามาดู “นังเป้าเป็นไปอีกแล้ว” บิดาของหล่อนครางอย่างเศร้าใจ พยาบาลกรากเข้าไปข้างร่างคนป่วย ซึง่ นอนปิดตาร้องครวญคราง อยู่ เอ่ยเสียงเย็นชากับผู้อยู่รอบเตียง “โปรดออกไปก่อน คนไข้ก�ำลังมีอาการทางประสาทไม่ปกติ” “มันลูกผมนะครับ ขอผมเฝ้ามันไม่ได้เหรอ?” นายปิ่นต่อรอง แต่ปลัดอ�ำเภอคารมสะกิดแขนแกแล้วพยักพเยิดให้ตามออกไปข้าง นอก ชายวัยกลางคนจึงลุกเดินตามไปอย่างไม่พอใจนัก ทุกคนมาหยุดมองหน้ากันที่หน้าคลินิกหมออิศรา 62 จินตวีร์ วิวัธน์


“นึกว่าผีอะไร ที่แท้งูเก็งก็องน่ะเอง” ร.ต.ท.พิชญ์ศักดิ์อุทานอย่าง กึ่งฉิวกึ่งขัน “ตาฝาด!” จักรพึมพ�ำบ้าง ส่วนกรพินธุ์ถามว่า “งูเก็งก็องเป็นยังไงคะ?” “นี่แสดงว่าคุณก้อยไม่ใช่นักดูหนังตื่นเต้น...” นายต�ำรวจยิ้มออก มาได้ แล้วอธิบายสั้นๆ “...เรือ่ งงูเก็งก็องเป็นนิทานดึกด�ำบรรพ์ของเขมรครับ เคยสร้างเป็น หนังมาฉายในเมืองไทยได้เงินเป็นล้าน นับว่าฮิตมากสมัยเมื่อ ๕-๖ ปีมา แล้ว ผมยังเคยดูเลยครับ” “อ้อ เป็นเรื่องคนมีผมเป็นงูหรือคะ?” “ครับ ดูในหนังน่าเกลียดพิลึกละ...ผมว่าบางทีเด็กเป้าอาจเคยดู หนังเรือ่ งนัน้ แล้วภาพสตรีมผี มเป็นงูมนั ประทับอยูใ่ นส่วนลึกของหัวใจโดย ไม่รู้สึก นานๆ เข้าก็แสดงออกมาให้เห็นอย่างนี้แหละครับ...มันเป็นเรื่อง ของจิตวิทยามากกว่าเรื่องผีสาง” “แต่นังเป้ามันยืนยันจริงๆ นะครับ ผมว่ามันคงไม่ปั้นน�้ำเป็นตัวมา หลอกเรา” นายปิ่นค้านขึ้นทันที “ผมก็ไม่ได้วา่ ลูกสาวของเราปัน้ น�ำ้ เป็นตัวซักหน่อย...” นายต�ำรวจ ว่า “...ก�ำลังพยายามหาทางอธิบายต่างหากว่า ภาพผีสางที่เป้ามองเห็น น่ะเกิดจากความคิดฝันของตนเองทั้งนั้น” “หมวดพูดเข้าเค้านะ ปิ่น...” ปลัดอ�ำเภอหนุ่มหันไปบอกพ่อของ สาวเคราะห์ร้ายเสียงนุ่มๆ อย่างปลอบใจเช่นเดิม “...คิดดูให้ดีซี มันเคยมี อยู่ในโลกหรือ คนที่มีผมเป็นงูน่ะ จะมีก็แต่ในนิทานเท่านั้น ลูกสาวปิ่นคง เคยดูหนังและอ่านหนังสือเรื่องนี้จนกลัวฝังใจ เวลาตื่นตกใจมากๆ เข้าจึง มองเห็นภาพหลอนของสิ่งที่กลัวนั่นไป” นายปิ่นท�ำท่าไม่เข้าใจ พูดกับหมวดพิชญ์ศักดิ์อย่างแข็งขัน “ผมไม่เข้าใจหรอกครับว่าปลัดกับหมวดพยายามอธิบายอะไร ผม รู้แต่ว่าที่ทุ่งนั่นมีวิญญาณร้ายอยู่ และผมอยากให้หมวดพาต�ำรวจไปค้น มายาพิศวาส

63


ดู ถ้าพบจริงก็ท�ำลายมันเสีย มันเป็นภัยต่อชาวบ้านนี่ครับ ขืนปล่อยไว้ ชาวบ้านจะหัวโกร๋นตายกันหมด” นายต�ำรวจหนุ่มท�ำหน้าชอบกล “เอ ตั้งแต่เรียนจบต�ำรวจมา ผม ก็ถกู สอนให้จบั แต่ผรู้ า้ ยนะปิน่ ไม่เคยมีครูหรือรุน่ พีค่ นไหนสอนให้จบั ผีเลย พะผ่า!” ค�ำพูดของเขาท�ำให้บรรยากาศเคร่งเครียดคลายลงในฉับพลัน ทุก คนยกเว้นนายปิ่นพากันยิ้ม ปลัดคารมพูดพลางหัวเราะพลาง “ผมดี ใ จที่ ไ ม่ เ ป็ น ต�ำรวจ ม่ า ยงั้ น เวลาถู ก ขอร้ อ งให้ พิ ทั ก ษ์ สันติราษฎร์ด้วยการไล่จบั ผียังงี้ เห็นจะไม่สวยแน่ครับ” แล้วก็หันไปทาง นายปิ่น พูดปลอบโยนตามเคย “...ปิ่นอย่าตกใจไปเลย ลูกสาวของเราน่ะวันพรุ่งนี้ก็คงหายตกใจ เป็นปกติส่วนบาดแผลก็ไม่มากมายอะไร...สาเหตุที่ตกใจก็เป็นอย่างที่ หมวดพิชญ์ศกั ดิอ์ ธิบายมานีแ่ หละ อย่าคิดมากเลย จะไปเฝ้าลูกสาวก็เฝ้า เสียเถอะ พวกเราจะกลับก่อนละ พรุ่งนี้จะแวะมาเยี่ยมอาการของเป้า” “หมวดจะไม่ไปตรวจที่ทุ่งนั่นหรือครับ?...” นายปิ่นยังไม่ลดความ พยายาม หันไปท�ำท่าอ้อนวอนนายต�ำรวจอีก “พ้มว่าสิ่งนี้แหละที่ท�ำให้ ชาวบ้านหายตัวไป” ค�ำพูดนัน้ ท�ำให้กรพินธุไ์ หวตัวทันที นึกปราดไปถึงน้องชายแล้วดวง หน้าก็สลดวูบ แต่แล้วก็หักใจเมื่อหวนคิดว่า จะเป็นไปได้อย่างไรที่สตรีผู้ มีผมเป็นงูกลายเป็นต้นเหตุของการหายสูญของน้องชายหล่อนและชาว บ้านอื่นๆ ในเมื่อสตรีนั้นมีอยู่แต่ในนิยาย นายต�ำรวจรับปากว่าจะพาต�ำรวจไปเดินตรวจดูแถวทุ่งร้างนั้นให้ นายปิ่นก็ท�ำท่าพอใจ และยอมเดินเข้าไปในห้องลูกสาวโดยดี ปลัดอ�ำเภอหนุ่มร�่ำลานายต�ำรวจที่หน้าคลินิกนั้นเอง พิชญ์ศักดิ์ แอบส่งสายตาละห้อยให้กรพินธุ์ เผอิญหล่อนไม่เห็น ผูท้ เี่ ห็นคือจักร ท�ำให้ เขานึกเดือดดาลด้วยความหึงเป็นทวีคูณ แล้วทั้งสามก็ขึ้นนั่งรถจี๊ปกลับไปบ้านพักของปลัดอ�ำเภอ 64

จินตวีร์ วิวัธน์


“ไง ก้อย ได้ยินเรื่องนี้แล้วยังอยากอยู่ท่ฟี ้าหยาดอีกไหม?” คารม เย้าญาติสาวของเขา ดวงตาของกรพินธุท์ อประกายรุง่ โรจน์ขนึ้ ทันทีตอบหนักแน่น “ก้อย กลับอยากอยู่มากยิง่ ขึน้ อีกหลายเท่าค่ะ พีร่ มก็ร้ดู วี ่าก้อยสนใจเรือ่ งลึกลับ มาทีน่ ไี่ ม่เสียเทีย่ วเปล่า มีเรือ่ งลึกลับน่ากลัวให้รู้ตงั้ แต่วนั แรกทีย่ า่ งเข้ามา เลย ก้อยภาวนาให้ได้เจอเรือ่ งอย่างนีเ้ ข้ากับตัวเองสักหน มันตืน่ เต้นดีคะ่ ” น่าประหลาดทีพ่ อจบค�ำพูดของหล่อน ทุกแห่งหนก็เงียบกริบในฉับ พลันทันที เสียงเครื่องยนต์ที่ครางลั่นอยู่เมื่อตะกี้พลันเงียบไปด้วย รอบ ด้านก็สงบสงัดน่าพิศวงเหมือนขับรถอยูท่ า่ มกลางโลกร้างอันปราศจากสิง่ มีชีวิต ลมเย็นพัดเข้ามาในรถวูบใหญ่ ส่งความหนาวเยือกประหลาดเข้าไป สู่หัวใจของกรพินธุ์ จนสั่นสะท้านเยือกทั้งตัว คล้ายกับว่า ‘สิ่งลึกลับ’ ที่ หล่อนกล่าวถึงนั้นได้ยนิ และรับค�ำท้าของหล่อนแล้ว! กรพิ น ธุ ์ บั ง เกิ ด ความสั ง หรณ์ ใ จขึ้ น อย่ า งปั จ จุ บั น ทั น ด่ ว นว่ า สถานการณ์เบื้องหน้าหล่อนคงเต็มไปด้วยรสชาติตื่นเต้นสยองขวัญ แน่นอน แต่กไ็ ม่อาจตอบตนเองได้ว่า เหตุใดจึงนึกสังหรณ์เช่นนั้น? นายแพทย์อิศรา มหเวช มองดูบุคคลที่นั่งตรงหน้าเขาด้วย สีหน้ายิ้มละไม ดวงตาทอประกายแจ่มด้วยแววปีติยินดี ท�ำให้หน้าเศร้า สร้อยของเขาดูดขี ึ้นอีกมาก กรพินธุ์ กุฎาภรณ์ ลอบมองด้วยความรู้สกึ ประหลาดที่เกิดขึ้นเป็น ครั้งแรก มันอาจเป็นความชืน่ ชมเหมือนรูส้ กึ ต่อภาพวาดสวยๆ หรือรูปสลัก งามๆ แต่บางทีกอ็ าจไม่ใช่ เพราะหล่อนเองก็บอกไม่ถกู ว่าความรูส้ กึ ทีเ่ กิด ขึน้ ยามเห็นหน้านายแพทย์หนุม่ ใหญ่ผนู้ คี้ อื อะไรแน่ แต่กย็ อมรับกับตัวเอง ว่า เป็นความรูส้ กึ ทีก่ อ่ ให้เกิดความอบอุน่ และซาบซึง้ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หล่อนรู้สึกตระหนกเมื่อประจักษ์ความจริงเช่นนั้น และพยายาม มายาพิศวาส

65


ผลักไสความรู้สกึ เช่นที่ว่าออกไปอย่างสุดความสามารถ หญิงสาวจึงตีหน้าเฉยให้กบั รอยยิม้ ละมุนของเขาและเบือนหน้าไป ทางอื่นคล้ายไม่ให้ความสนใจต่อเรื่องที่ก�ำลังสนทนากันอยู่มากนัก ทั้งๆ ที่ใจคอเต้นตึ้กตั้กวุ่นวาย “เชือ่ ไหมครับว่า ผมดีใจทีส่ ดุ ทีไ่ ด้ยนิ ค�ำตอบรับของคุณก้อยในวันนี”้ เสียงทุม้ นุม่ น่าฟังนัน้ ก็อกี เหมือนกัน ท�ำให้เกิดความวาบหวามในใจดีนกั กรพินธุห์ นั กลับมาท�ำหน้าครึง่ ยิม้ ครึง่ แหยก่อน “ก้อยต้องเรียนคุณ หมอไว้ก่อนนะคะว่าเป็นคนไม่ค่อยเอาไหนนัก บางทีอาจท�ำอะไรไม่ถกู ใจ คุณหนูบศุ มาลีโดยไม่ได้ตงั้ ใจ และก็อกี อย่าง ก้อยไม่เคยคิดจะสอนหนังสือ มาก่อนเลย” “เรือ่ งสอนหนังสือไม่ส�ำคัญเท่าไหร่หรอกครับ...” เจ้าของบ้านตอบ ทันที ยังคงยิม้ หวามใจอยูเ่ ช่นนัน้ “...ส�ำคัญแต่ใจเย็นพอทีจ่ ะดูแลเด็กพิการ ได้แค่ไหนเท่านั้นแหละ...ประเดี๋ยวผมจะพาบุศมาลีออกมาพบ แกคงตื่น เต้นพิลึกที่ได้ทั้งครู และพี่เลี้ยงคนใหม่เป็นคนคนเดียวกันที่...” เขาชะงักค�ำพูดประโยคท้ายไว้เพียงนัน้ นึกหาค�ำพูดทีเ่ หมาะใจแล้ว กล่าวต่อ “ผมหมายถึงพีเ่ ลีย้ งทีห่ น้าตาท่าทางใจดีนะ่ หายากครับ คุณก้อย” หญิงสาวหัวเราะ “เพิ่งรู้ตวั ว่าก้อยเป็นคนหน้าตาใจดี” จักร สุรวุธ ซึ่งตลอดเวลานั่งหน้ามุ่ยอยู่ข้างปลัดอ�ำเภอคารมกล่าว ขึ้นห้วนๆ “ก้อยจะอยู่ท่นี ี่นานแค่ไหน ตกลงกับคุณหมอแล้วหรือยัง?” “ไม่มกี �ำหนดหรอกค่ะ จักร...” กรพินธุต์ อบเรียบๆ “จนกว่าก้อยจะ พบกิ่ง หรือมิฉะนั้นก็จนกว่าคุณหมอจะไล่ออก” จักรท�ำสีหน้าอย่างหนึ่ง ทั้งหงุดหงิดและเดือดดาลระคนผิดหวัง พร้อมๆ กันจนอดทนไม่ได้ พูดลอดไรฟันออกมา “ผมไม่นกึ เลยว่า การพาก้อยมาทีน่ จี่ ะเป็นการพามาเพือ่ จากกัน... คิดดีแล้วหรือก้อยที่จะอยู่กับ...เอ้อ...ผมหมายถึงก้อยจะมาอยู่ในชนบท เงียบเหงานี้ได้ยังไงคนเดียว” หญิงสาวยิ้มให้เขาอย่างปลอบใจ “จักรลืมพี่รมไปเสียทั้งคนหรือ 66

จินตวีร์ วิวัธน์


คะ? อย่าลืมว่าก้อยไม่ได้อยูต่ วั คนเดียวนะ จะต้องกลัวอะไรนักหนาในเมือ่ พี่รมอยู่ด้วย” “โปรดอย่าห่วงคุณก้อยเลยครับ คุณจักร...” เจ้าของบ้านบอกเขา อย่างอารมณ์ดี “เธอจะอยูท่ ฟี่ า้ หยาดอย่างสบายทีส่ ดุ บ้านนีไ้ ม่มใี ครมาก นอกจากพวกเราทีเ่ ห็นอยูน่ แี่ ล้วก็มอี ทิ ธิชยั ญาติของผมอีกคนนึงครับ ตอน นี้ไปธุระที่กรุงเทพ เขามีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ทั้งหมดที่นี่ ถ้าคุณก้อย ได้พบคงจะต้องชอบเพราะเขาเป็นคนกันเองพูดจาสนุก...” เขาหยุด มองหน้าคูส่ นทนาอย่างดูลาดเลา ครัน้ เห็นจักรยังมีสหี น้า ขุ่นเคืองอยู่เช่นเดิม ก็พูดต่อ “ถ้าคุณจักรไม่วางใจหรือเป็นห่วงจะแวะมา เยีย่ มทุกอาทิตย์กไ็ ด้ครับ บ้านฟ้าหยาดยินดีต้อนรับเสมอ มีห้องหับให้พกั พร้อมเลย” “ผมต้องมาแน่” ชายหนุ่มชาวกรุงว่า ท่าทางฮึดฮัดกัดฟันของเขา ไม่น่าดูนกั มันแสดงออกถึงความเอาแต่ใจตนเองจนไม่นกึ เกรงใจเจ้าของ บ้าน ปลัดอ�ำเภอหนวดงามเอ่ยขึ้น “ไม่มีปัญหาอะไรนี่ครับคุณจักร อยู่ ที่นี่ก้อยมีทุกอย่างดีกว่าอยู่กรุงเทพเสียอีก ที่นี่มีทั้งงาน ญาติและมิตร พร้อมหน้า...ญาติก็คอื ผม ซึ่งคุณคงไว้วางใจส่วนมิตรออกจะหน้าใหม่ไป บ้าง คือคุณหมอ แต่ผมออกใบรับรองให้ได้ว่าคุณก้อยจะสบายใจถ้าอยู่ ด้วย” จักรขบกราม นิ่งอั้นไม่ตอบ ในใจนึกค�ำราม ‘จะดีได้ยังไงวะ ใน เมื่อเราไม่ได้อยู่กับคุณก้อยที่นี่’ แต่ท้ังหมดที่กล่าวออกไปกับฝ่ายหญิงก็ คือ “แล้วผมจะหมั่นมาเยี่ยมนะครับ” ร่างอรชรปรากฏขึน้ ทีห่ น้าประตูห้องรับแขกเล็กอย่างเบากริบ นาย แพทย์อิศราเหลือบเห็นก็พยักหน้าเรียก “เข้ามาข้างในซี อร มาร่วมดีใจ กับพี่ด้วย คุณก้อยตกลงใจจะอยู่ช่วยยายบุศแล้วละ” อรชุมา มหเวช พาร่างในชุดยาวรุม่ ร่ามเคลือ่ นเข้ามาอย่างเบากริบ ตามเคยทรุดลงนั่งข้างพี่ชาย ช�ำเลืองมองจักรอย่างประหม่าขวยเขิน เมื่อ มายาพิศวาส

67


สบตากับเขา หล่อนก็ก้มหน้าอายม้วน แววบางอย่างในดวงตารูปเรียวยาวด�ำสนิทของน้องสาวเจ้าของ บ้านท�ำให้ชายหนุ่มชาวกรุงเกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้น ‘ลองจีบยายคนนี้ดูเล่นๆ ก็ไม่เสียหายอะไร ท�ำทางไว้จะได้มาที่นี่ บ่อยๆ ท่าทางยายนีส่ นใจเราไม่ใช่เล่น’ คิดแล้วก็หันไปมองสาวน้อยตรงๆ เอ่ยถามด้วยเสียง ‘เซ็กซี่’ ว่า “วันนี้คณ ุ อรคงสบายดีนะครับ หน้าตาดูสดใสกว่าเมื่อวาน” เด็กสาวประหม่ามากขึ้น ยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเอง เหลือบมองเขา แล้วหลบไม่กล้าปริปากตอบ พีช่ ายของหล่อนเป็นฝ่ายตอบแทนสาวน้อย “ตรงกันข้ามเชียวคุณ เมื่อเช้าอรมีท่าทางอิดโรยไม่ค่อยสบาย หน้าตาเพิ่งสดใสเดี๋ยวนี้แหละ” ค�ำพูดประสาซื่อของคุณหมอกระทบใจเด็กสาวโดยที่เขาไม่รู้ตัว หน้าหล่อนแดงยิ่งขึ้น ช�ำเลืองมองจักรอีกครั้ง แล้วก้มหน้างุด ทั้งกรพินธุ์ และปลัดคารมนึกในใจตรงกันว่า ‘เสร็จซะแล้ว! คุณอร หลงเสน่ห์จกั รเข้าให้ละซี’ นายแพทย์เจ้าของบ้านขยับตัวลุกขึ้น พูดกับน้องสาว “อรคุยกับ แขกไปก่อนนะ พี่จะไปพายายบุศออกมา” แล้วเขาก็ก้าวยาวๆ ออกจาก ห้องไป ทิ้งน้องสาววัยรุ่นนั่งก้มหน้า บิดมือไม้ตัวเองวุ่นวายด้วยความ เคอะเขินแกมประหม่า ไม่รู้จะขึ้นต้นสนทนาอย่างไรดี กิริยาของหล่อนท�ำให้จกั รนึกสงสาร จึงเอ่ยขึ้นว่า “ผมอยากเดินดู ต้นหมากรากไม้รอบๆ บ้านสักหน่อย คุณอรจะช่วยพาผมดูได้ไหมครับ?” เด็กสาวเงยหน้าขึ้น ในดวงตาของหล่อนจุดประกายแจ่มใสสุก สกาวด้วยความรูส้ กึ ในใจซึง่ หนุม่ ชาวกรุงอ่านออกเหมือนอ่านหนังสือ เอ่ย แผ่วเบาสะทกสะท้านว่า “แล้วคุณก้อยกับปลัดล่ะคะ” “โอ๊ย! ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมไม่ใช่แขก...” ปลัดอ�ำเภอว่าพลาง โบกมือ “...จักรนั่นซีครับเป็นแขกของบ้านฟ้าหยาด คุณอรควรพาเขาไป ดูสิ่งที่เขาอยากดู” 68

จินตวีร์ วิวัธน์


อย่างเหนียมอายและประหม่า อรชุมาลุกขึ้นยืนกล่าวกับจักรเบา หวิวแทบไม่ได้ยนิ “เชิญซีคะ” ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม เดินต้อยๆ ตามหล่อนออกไปนอกห้อง หางตา ช�ำเลืองดูกรพินธุ์ เพือ่ สังเกตอากัปกิรยิ าของหล่อนแล้วก็นกึ น้อยใจ ทีห่ ญิง สาววางท่าเป็นปกติไม่ยินดียินร้ายหรือหวงแหนตัวเขาเลย ถัดมาอีกครู่เดียว หมออิศราก็ปรากฏกายขึน้ อีกครัง้ คราวนีเ้ ข็นรถ เด็กหญิงบุศมาลี ผู้พิการเดินเหินไม่ได้เข้ามาด้วย กรพินธุ์มองดูเด็กหญิงอย่างสนใจ แกเป็นเด็กบอบบาง ผิวพรรณ ซีดเซียวแบบเดียวกับอรชุมา ใบหน้างามน่ารักเจือแววเศร้าเช่นเดียวกับ น้องสาวเจ้าของบ้าน “บุศ รู้จักคุณก้อยเสียซีจ๊ะ เธอจะมาช่วยสอนหนู และเป็นเพื่อน หนูด้วยไงล่ะ ส่วนปลัดคารมน่ะ หนูร้จู กั แล้วใช่ไหม?” นายแพทย์ผ้เู ป็นอา แนะน�ำ เด็กหญิงกระพุม่ มือไหว้คนทัง้ สองอย่างอ่อนน้อมพร้อมกับยิม้ น้อยๆ กรพินธุ์รับไหว้พลางนึกในใจว่า ช่างน่าสงสารที่เด็กน่ารักขนาดนี้ต้องนั่ง แกร่วอยู่กับเก้าอี้ไม่อาจวิ่งเล่นร่าเริงเหมือนเด็กอื่น ในวัยรุ่นราวคราว เดียวกัน “สวัสดีค่ะ คุณบุศ ก้อยมาอยู่เป็นเพื่อนบุศอีกคนแล้วค่ะ” หล่อน บอกเด็กหญิงอย่างอ่อนหวาน พร้อมกับรอยยิม้ ทีช่ นะใจมาแล้วทุกคนไม่ ว่าหญิงหรือชาย และเสน่ห์ของรอยยิ้มนั้นก็แผ่คลุมไปถึงอาของเด็กหญิง ผู้ทรุดนั่ง ข้างเก้าอี้เข็นด้วยอย่างแรง เขาจ้องมองกรพินธุ์ด้วยอาการตะลึงงัน พอ รู้สึกตัวก็ถอนใจใหญ่ เบือนหน้าไปทางอื่นดวงตาเศร้าลงอีกถนัดใจ อากัปกิริยาของเขาท�ำให้ปลัดคารมนึกในใจว่า ‘คุณหมอท่าจะมี ความในใจกับคนที่หน้าตาเหมือนก้อย ม่ายงั้นคงไม่ท�ำท่าเหมือนคนอก หักยังงี้หรอก’ “ประเดีย๋ วผมจะให้คณ ุ วงศ์จดั ห้องหับให้คณ ุ ก้อยเสียเลย ข้าวของ มายาพิศวาส

69


เอามาด้วยหรือเปล่าครับ จะได้ให้คนใช้จดั ใส่ตู้ให้” “มีกระเป๋าใบเดียวอยู่ในรถค่ะ” กรพินธุ์ตอบสั้นๆ ใจเต้นระทึกขึ้น เล็กน้อยเมื่อนึกว่า หล่อนจะได้อยู่ใต้ชายคาบ้านของเขาแล้วสมใจ ยังไม่ทนั ทีใ่ ครจะพูดต่อ ร่างสันทัดตรงแหน็วเหมือนไม้กระดานของ คุณสมวงศ์ก็ปรากฏขึ้นที่หน้าประตูห้องรับแขกกะทันหัน หล่อนกวาดตา มองทุกคนอย่างเย็นชาตามแบบฉบับ ท�ำเป็นไม่เห็นปลัดอ�ำเภอผู้ยิ้มให้ อย่างผูกไมตรีกล่าวห้วนๆ “คุณหมอให้ดฉิ ันมาพบที่น่หี รือคะ?” “ครับ ผมบอกสุภาไปว่า ขอให้คณ ุ วงศ์มาพบเพือ่ จะได้ขอให้เตรียม ห้องหับส�ำหรับคุณก้อยน่ะ” “อ้อ ตกลงใจจะมาอยูแ่ น่แล้วรึคะ?” เสียงแหลมประหลาดของนาง ขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชดั เจ้าของบ้านตอบเรียบๆ เพียงว่า “ถูกแล้ว เธอจะมาช่วยดูแลและ สอนกิรยิ ามารยาทให้ยายบุศ...ตกลงคุณวงศ์จะให้คณ ุ ก้อยอยู่ห้องไหน?” “มีห้องที่ใช้การได้อยู่สองห้องเท่านั้นแหละค่ะ คือห้องชั้นบนทาง สุดท้ายเฉลียงกับห้องข้างล่างสุดเฉลียงอีกเหมือนกัน อิฉันคิดว่าห้องข้าง ล่างจะสะดวกกว่า เพราะท�ำความสะอาดไว้ดแี ล้ว ผ้าปูเตียงก็เปลีย่ นใหม่ แต่ถ้าคุณก้อยไม่ชอบอยู่ข้างล่าง อยากจะขึ้นบนตึกก็ต้องเสียเวลารอจัด ห้อง” “ไม่เป็นไรค่ะ ก้อยอยู่ยังไงก็ได้ที่ไม่รบกวนคุณแม่บ้านมากนักน่ะ ค่ะ” “งัน้ ก็อยูช่ น้ั ล่าง” แม่บา้ นใหญ่พดู ห้วนๆ แล้วโดยไม่พดู พร�ำ่ ท�ำเพลง นางหันกลับ เดินออกไปจากห้องรวดเร็วเหมือนขามา

70

จินตวีร์ วิวัธน์


๘ เมื่อจักรกับอรชุมากลับเข้ามาอีกครั้งปลัดคารมก็ชวนกลับ ชายหนุม่ ท�ำท่าอิดเอือ้ น แต่เมือ่ เห็นหน้าสลดของอรชุมา ก็ได้คดิ ว่าเขาควร ถือเอาความเสียใจของหล่อนครั้งนี้ให้เป็นประโยชน์กับตนเอง จึงแอบ กระซิบกับเด็กสาวโดยไม่ให้พ่ชี ายของหล่อนเห็น “แหม ผมไม่อยากจากคุณอรไปเลย ก�ำลังคุยกันถูกคอพอดี...แล้ว ผมจะมาบ่อยๆ นะครับ รังเกียจไหม?” อรชุมาไม่ตอบตามเคย แต่ดวงตาทีช่ ้อนขึน้ มองเขาทอประกายวับ เหมือนดาวรุ่งก็เป็นค�ำตอบในตัวอยู่แล้ว จักร สุรวุธ จึงอ�ำลาจากไปด้วย ความครึ้มและอารมณ์ดกี ว่าเดิม เพราะประจักษ์ว่า เสน่ห์ของเขาชนะใจ สาวน้อยผู้บริสุทธิ์อ่อนไหวอย่างง่ายดายผิดคาด เมือ่ ญาติและมิตรของหล่อนจากไปแล้ว กรพินธุก์ ร็ สู้ กึ แห้งในหัวใจ อย่างประหลาด นายแพทย์ร้ใู จ เขาจึงพาหล่อนชมคฤหาสน์ฟ้าหยาดโดย รอบ โดยเข็นรถบุศมาลีไปด้วย ส่วนอรชุมาขอตัวไปดูแลห้องหับให้สมาชิกใหม่ แต่พอเดินลับตาพี่ ชายไปได้หน่อยเด็กสาวกลับวิ่งลงไปที่เทอเรซ ยกแขนโอบเสา ท�ำตาลอย ใบหน้ายิ้มละไมอย่างเคลิบเคลิ้ม แต่ พ ลั น เสี ย งหนึ่ ง ก็ ท�ำลายอารมณ์ ฝ ั น ของเด็ ก สาวให้ กระเจิดกระเจิง มายาพิศวาส

71


“เอ้า อย่ามัวฝันกลางวันอยู่เลยค่ะ รู้ไหมว่าคุณอรท�ำไม่ถูกเลย” “อรท�ำอะไรคะ?” หน้าของเด็กสาวเผือดลงทันที ลดมือจากเสาบีบ คล�ำกันเองอย่างประหม่าตามเคย แม่บา้ นผูร้ กั หล่อนเหมือนลูกแค่นยิม้ “ยังจะมาถาม? เห็นดีเห็นงาม ยังไงคะที่ออกมาเดินคุยกับผู้ชายที่เพิ่งพบกันหนเดียว?” “คุณจักรเขาขอดูรอบๆ บ้าน อรก็พาเขาเดินดูเท่านั้นเองนี่คะ คุณ วงศ์ อรไม่ได้ท�ำอะไรผิด” “ไม่ผิดหรือคะ?” คุณสมวงศ์ทวนค�ำเสียงสูง “ช่างพูดออกมาเต็ม ปากเต็มค�ำว่าไม่ผดิ ...คุณอรรูต้ วั หรือเปล่าว่าตัวน่ะเหมือนชาวบ้านเขาหรือ ถึงได้คิดจะไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายอย่างนั้น?” “อรเป็นยังไง คุณวงศ์บอกมานะ อรไม่เหมือนชาวบ้านเขาที่ตรง ไหน?” เด็กสาวร้องเสียงสูงบ้าง ท่าทางบอกความไม่สบายใจแกมโกรธ “อ้อ เดี๋ยวนี้รู้จักขึ้นเสียงกับอีฉันหรือคะ?...คุณอรนึกดูให้ดีๆ เสีย ก่อนว่าอะไรเป็นอะไร คุณอรจะคบหาสมาคมกับผูช้ ายคนไหนไม่ได้ ไม่วา่ จะเป็นนายคนชาวกรุงเทพที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อย่างคุณคนนั้น หรือใคร ก็ตาม” เด็กสาวหน้าเผือดลงไปอีก ก�ำมือแน่น เม้มริมฝีปากอย่างขุ่นเคือง “คุณวงศ์ใจร้าย...ใจร้ายอย่างทีส่ ดุ ” พร้อมกับเสียงร้องกรีด เด็กสาวยกมือ ปิดหน้า ถลาวิ่งกลับเข้าไปในตัวเรือนอย่างรวดเร็ว คุณสมวงศ์ยนื คอแข็ง ไม่เหลียวมอง แต่บนดวงหน้าอันเคร่งเครียด เหยียดไม่ออกนัน้ มีแววเศร้าสลดใจฉายขึน้ รางๆ ยังไม่ทนั ทีจ่ ะท�ำอย่างไร ต่อไป หมออิศราก็เข็นรถของบุศมาลีตรงเข้ามา โดยมีกรพินธุ์เดินเยื้องไป ข้างหลัง “อ้อ คุณวงศ์” เจ้าของบ้านทัก “ช่วยพาคุณก้อยไปชีห้ ้องให้หน่อย นะครับ และบอกให้คนใช้เอากระเป๋าของเธอไปเก็บด้วย” “เจ้าค่ะ” แม่บ้านรับค�ำอย่างประชดประชัน มองดูกรพินธุ์อย่าง เหยียดๆ “เอ้า มาซีคุณ ไปดูห้องหับเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปที” 72 จินตวีร์ วิวัธน์


หล่อนหมุนตัวกลับ เดินตัวตรงแหน็วเข้าไปในบ้านโดยไม่หันมอง ว่ากรพินธุ์จะตามไปหรือไม่ นายแพทย์เจ้าของบ้านพยักหน้ากับหล่อน พูดเบาๆ “ไปกับคุณ วงศ์เถอะครับ อาบน�้ำอาบท่าให้สบาย น�้ำชาเวลาสี่โมง อาหารเย็นเวลา สองทุ่มครับ” หญิงสาวยิ้มให้เสียงนุ่มๆ เป็นกันเองนั้น แล้วออกก้าวเดินตาม แม่บา้ นไปโดยไม่ปริปาก นึกในใจว่า ‘สนุกละวา ได้มาอยูร่ ว่ มบ้านกับคุณ สมวงศ์หน้าตาเหมือนผีดิบแก่ๆ นิสัยก็เหมือนผีดิบ กลางคืนจะออกกิน เลือดเราหรือเปล่าก็ไม่รู้ แหมคุณสมวงศ์น่าจะเป็นคนเดียวกับผีท่ีหลอก เด็กเป้าเมือ่ คืนนีเ้ หลือเกิน เราจะไม่นกึ แปลกใจเลยถ้าเผือ่ มีใครจับตัวผีนนั่ ได้แล้ว ปรากฏว่ากลายเป็นคุณแม่บ้านใหญ่ท่ามากคนนี้ขึ้นมา!’ อย่างไรก็ตาม กรพินธุ์ กุฎาภรณ์ ผ่านงานของหล่อนในวันนัน้ ไปได้ค่อนข้างดี หล่อนคลุกคลีอยูก่ บั หลานสาวตัวน้อยของเจ้าของบ้านตลอดเวลา ที่ว่างเว้นจากการเรียน แต่ละชั่วโมงคอยดูแลเอื้ออาทรด้วยความรู้สึก สงสารอย่างจริงใจเพราะท่าทางของเด็กหญิงพิการผู้นั้นสงบเสงี่ยมเจียม ตัวน่าเอ็นดูนัก อรชุมา มหเวช เป็นอีกคนทีช่ ่วยให้กรพินธุ์คลายความขัดเขินไปได้ ไม่น้อย เพราะว่าตัวน้องสาวนายแพทย์ ผู้เป็นนายจ้างของหล่อน กลับ เป็นฝ่ายเคอะเขินเสียเอง แทนที่หล่อนจะเป็นฝ่ายพูดคุยกับผู้มาร่วมงาน คนใหม่ เด็กสาวเต็มไปด้วยท่าทางเขินอายเสียจนกรพินธุน์ กึ สงสารจึงเป็น ฝ่ายชวนคุยเสียเองเพื่อให้ดูเป็นกันเอง คนเดียวที่ไม่มาสนใจหล่อนเลย คือคุณแม่บ้านท่าทางปั้นปึ่ง วางมาดเกินตัวคนนั้นนั่นเอง ซึ่งหญิงสาวก็นึกดีใจที่เป็นเช่นนั้น เมือ่ ถึงเวลาบ่ายจัดประมาณ ๑๖.๓๐ น. คนทีน่ งั่ รับประทานอาหาร ว่างด้วยกันในห้องอาหารอันใหญ่โตกว้างขวางจึงมีเพียงสามคน มายาพิศวาส

73


คือกรพินธุ์ อรชุมา และเด็กหญิงบุศมาลี “ให้สุภาช่วยดูแลหนูบศุ ก็ได้ค่ะ คุณก้อย...” น้องสาวเจ้าของบ้าน พูดเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางกรพินธุ์ขมีขมันกับจานอาหารของเด็กหญิง “...ตามปกติ ก็สุภาน่ะแหละคอยดูแลเป็นพี่เลี้ยงอยู่” “ก้อยท�ำแทนดีกว่าค่ะ ไหนๆ ก็มาช่วยดูแลคุณหนูแล้ว ขอดูให้ทั่ว ถึงหน่อย” หล่อนตอบพลางตักหน้าตั้งใส่ถ้วยเล็ก วางตรงหน้าเด็กหญิง พิการ อรชุมาโบกมือให้สาวใช้ออกไป แล้วก้มหน้าก้มตารับประทาน เงียบๆ “คุณแม่บ้านไม่มาทานด้วยหรือคะ?” คุณครูคนใหม่ถามตาม มารยาท นึกในใจว่า ไม่มาทานด้วยอย่างนี้น่ะดีแล้ว หล่อนคงกลืน ของว่างไม่ลงคอถ้ามีสตรีหน้าเคร่ง นัยน์ตาเฉียบคมเหมือนเหยี่ยวแก่ๆ คนนั้นมาคอยนั่งจับผิดอยู่ในโต๊ะอาหารด้วย “คุณวงศ์ทานต่างหากค่ะ...เอ้อ ถ้าแม่บ้านของฟ้าหยาดพูดจาไม่ น่าฟังไปบ้าง คุณก้อยก็อย่าถือเลยนะคะ คุณวงศ์เป็นคนอย่างนั้นเอง ใน ใจไม่มีอะไร” อรชุมาบอกเสียงอ่อนๆ กรพินธุย์ มิ้ “คุณอรวางใจเถอะค่ะ ก้อยมาอยูท่ นี่ อี่ ย่างเตรียมพร้อม ทุกอย่างแล้ว ก้อยคิดว่าคงไม่มเี รือ่ งอะไรเกิดขึน้ โดยก้อยเป็นต้นเหตุแน่ๆ” “บางทีอรเองก็ออกจะร�ำคาญคุณวงศ์เหมือนกันค่ะ แกเป็นคนจู้จี้ เจ้าระเบียบ แล้วก็หวั เก่ามากเกินไป แต่ไม่ทราบจะตักเตือนอย่างไรได้ แก เป็นคนที่ท่านแม่ไว้วางใจและเชื่อถือเอามากๆ” “ก็ดแี ล้วค่ะ สมัยนีค้ นเก่าคนแก่ทไี่ ว้วางใจได้หายาก” หญิงสาวพูด เป็นกลางๆ เหลือบเห็นเงาตัวเองปรากฏอยูบ่ นกระจกเงาทีต่ ดิ อยูร่ อบผนัง ก็ขมวดคิ้ว เอ่ยอย่างคิดขึ้นได้ “ก้อยรูส้ กึ ว่า บ้านนีช้ อบเล่นกระจกเงามากนะคะคุณอร ไม่วา่ ห้อง ไหนๆ ที่ก้อยเห็นมา มีกระจกติดอยู่รอบห้องแทบทั้งนั้นเลย” พูดจบประโยคแล้วก็นกึ แปลกใจขึน้ มาทันที เพราะดูเหมือนอรชุมา 74 จินตวีร์ วิวัธน์


มหเวช จะเกิดปฏิกริ ยิ ากับค�ำพูดนัน้ อย่างกะทันหัน ใบหน้าเซียวของหล่อน ซีดลงไปอีก ดวงตาปรากฏแววพรั่นพรึง ริมฝีปากเผยอขมุบขมิบเหมือน จะส่งเสียงพูด แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเม้มเข้าหากันสนิท กรพินธุ์มองดูน้องสาวเจ้าของบ้าน ด้วยท่าทางฉงนฉงาย ฝ่ายนั้น ได้คิด รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มเจื่อนจืด หลบตาลงมองผ้าปูโต๊ะ ตอบแผ่ว พร่าฟังแทบไม่ได้ยนิ “เอ้อ...ค่ะ พี่อิศชอบกระจกเงา...” “อ้อ...” กรพินธุ์พึมพ�ำ กลืนค�ำถามที่วิ่งมารอบนริมฝีปากลงไป อย่างยากเย็น เพราะเห็นว่าท่าทางของอรชุมาไม่เต็มใจจะตอบค�ำถามนัน้ เลย พอ พูดจบหล่อนก็รีบหยิบข้าวตังใส่ปากก้มหน้าก้มตาเคี้ยวโดยไม่เหลือบแล ดูหล่อน ท่าทางคล้ายเกรงว่ากรพินธุ์จะถามต่อ สมาชิกใหม่ของบ้านฟ้าหยาดก็พลอยหยิบข้าวตังจิม้ หน้าตัง้ ส่งเข้า ปากบ้าง นัยน์ตาเหลือบมองภาพตัวเองเคีย้ วหยับๆ ในกระจกเงารอบด้าน อย่างไม่สู้สบอารมณ์ หล่อนไม่ใช่คนหลงรูปตัวเองจะได้อยากเห็นท่วงท่าของตนในยามท�ำ อะไรๆ ไปเสียทุกอิรยิ าบถ โดยเฉพาะในยามรับประทานอาหารเช่นนี้ และ เชือ่ ว่า นายแพทย์อศิ รา มหเวช ก็ไม่นา่ จะเป็นคนประเภทหลงเงาเช่นกัน กรพินธุ์สังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่า กระจกที่ติดรอบห้องหับเกือบ ทุกห้อง เท่าทีห่ ล่อนผ่านตานัน้ ล้วนแต่เพิง่ ติดเสร็จในเวลาไม่นานนัก อาจ จะ ๕-๖ เดือนที่แล้วมานี่เอง น่าจะมีเหตุอะไรสักอย่างท�ำให้เจ้าของบ้าน เปลี่ยนรสนิยมชอบกระจกเงาขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ หล่อนบังเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาว่าภายในห้องอื่นๆ ชั้น บนของคฤหาสน์หลังนี้จะติดกระจกเต็มตลอดผนังเหมือนห้องในชั้นล่าง หรือเปล่าหนอ? กรพินธุไ์ ด้ใช้เวลาทีม่ าอยูบ่ า้ นนีค้ รึง่ วันแรกส�ำรวจห้องหับต่างๆ ของ ชั้นล่างคฤหาสน์ฟ้าหยาดแล้ว ๓ ห้อง คือห้องโถงใหญ่ ห้องรับแขกใหญ่ และห้องรับประทานอาหารนี้ ปรากฏว่าทุกห้องติดกระจกเงาเต็มผนังทุก มายาพิศวาส 75


ด้านเหมือนๆ กันหมด แต่เป็นการติดที่มีศิลป์ จึงไม่ท�ำให้ผู้พบเห็นเกิด ความตะขิดตะขวงใจมากนัก เว้นแต่ผทู้ ไี่ ม่คอ่ ยชอบกระจกเงาอย่างกรพินธุ์ นี่แสดงว่า ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านใหญ่หลังนี้ มีนสิ ัยรักรูปโฉมตัวเอง จนต้องคอยมองกระจกเงาอยู่ร�่ำไปทุกหนทุกแห่งกระนั้นหรือ? หล่อนซ่อนความฉงนนีไ้ ว้เงียบๆ คุยกับอรชุมาและหนูบศุ มาลีด้วย เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจกว่าเสีย ท�ำให้น้องสาวนายแพทย์ใหญ่คลายอาการ อึดอัดเป็นกังวลไปได้บ้าง “คุณหมอบอกว่า คุณอรมีญาติอกี คนอยูใ่ นบ้านนีด้ ว้ ยใช่ไหมคะ?” หล่อนถามเมื่อรู้สึกว่า หมดเรื่องที่จะคุยอื่นๆ เสียแล้ว นึกในใจว่า การสนทนากับอรชุมาต้องใช้ความอดทนอย่างมาก เพราะพูดคุยเรือ่ งอะไร ด้วยเจ้าหล่อนก็จะเอาแต่ยิ้ม ถ้าตั้งค�ำถามก็เป็นประเภทถามค�ำตอบค�ำ ไม่มากกว่านั้น การจะรอให้เด็กสาวเป็นฝ่ายเริ่มต้นสนทนา หรือเป็นผู้ตั้ง ค�ำถามเสียเองนั้น ยากกว่าสอนปลาให้บนิ ! แต่กรพินธุ์กส็ งั เกตเห็นอย่างหนึง่ ว่า การไม่ช่างพูดคุยของน้องสาว นายแพทย์ใหญ่นา่ จะเกิดจากสาเหตุบางอย่างมาปิดปากไว้มากกว่า ไม่ใช่ เป็นเพราะนิสัยแท้จริงของหล่อนเช่นนั้นเลย เพราะมีหลายครั้งอรชุมา ท�ำท่าเหมือนจะเริ่มต้นการสนทนา แต่แล้วก็อึกอักอ�้ำอึ้งเหมือนกลัวผิด พลาด หรือมิฉะนั้นก็ไม่แน่ใจในตนเอง ดูท่าทางหล่อนมีพิรุธอย่างไรพิกล ตลอดเวลา... เด็กสาวตอบค�ำถามเมื่อตะกี้เพียงว่า “พี่อิทธิชัยค่ะ ตอนนี้ไม่อยู่ อีก ๒-๓ วันคงกลับ” แล้วก็ปิดปากเงียบเฉยไปอีก คราวนีก้ รพินธุห์ มดก�ำลังใจจะพูดคุยด้วย จึงรวบช้อนส้อม และยก แก้วน�้ำขึ้นดื่ม อรชุมามองหน้า แล้วถามแผ่วๆ “คุณก้อยอิ่มแล้วหรือคะ” “ค่ะ ก้อยทานน้อยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” “มิน่าล่ะ รูปร่างดี๊ ดี” กรพินธุ์มองหน้าผู้พูดด้วยท่าทางแปลกใจ ดูท่าทางอรชุมา คงจะ 76

จินตวีร์ วิวัธน์


รูต้ วั ว่าหล่อนพูดน้อยกับสมาชิกใหม่มากไปแล้วกระมัง จึงเปลีย่ นท่าทีเป็น พูดมากค�ำขึ้นกว่าเดิม ปรากฏว่าความเข้าใจของกรพินธุ์ถูกต้องเพราะน้องสาวเจ้าของ บ้านยิ้มเขินขณะพูดออกตัว “คุณก้อยคงรู้สึกเบื่ออรนะคะ บางทีอรยังร�ำคาญตัวเองเลย อร อยากคุยเก่งๆ เหมือนคนอื่น แต่ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร พูดไม่ออก ทุกที” กรพินธุ์ย้มิ น้อยๆ “ก้อยไม่เบื่อหรอกค่ะ อยู่กับคนไม่พูดมากซีคะดี คนพูดมากบางทีน่าร�ำคาญออกจะตาย” อรชุมายิ้มบ้าง “งั้นคุณก้อยคงเบื่อพี่โอ๋มากนะคะ พี่โอ๋-เอ้อ-อร หมายถึงพี่อิทธิชัยน่ะค่ะ เป็นคนช่างพูดม้าก มาก มากจนบางทีพี่อิศรา ร�ำคาญแน่ะค่ะ” กรพินธุห์ วั เราะ ไม่ตอบว่ากระไร ก้มลงมองเด็กหญิงบุศมาลีซงึ่ รวบ ช้อนส้อมอิ่มอาหารบ้าง “คุณหนูอิ่มแล้วหรือคะ ตอนบ่ายนี้ต้องเรียนหนังสือต่ออีกไหม?” “ไม่ตอ้ งค่ะ” เด็กหญิงตอบเบาๆ “บุศเรียนแค่ครึง่ วัน อีกครึง่ วันพัก ผ่อนค่ะ” “แหม ดีจริง คุณหนูใช้เวลาพักผ่อนท�ำอะไรบ้างล่ะคะ?” “ไม่แน่ค่ะ บางทีก็ฟังนิทาน บางทีก็หดั ท�ำการฝีมือกับอาอร บางที สุภาก็เข็นรถพาหนูออกไปเที่ยวรอบๆ บริเวณบ้านค่ะ” “งั้นวันนี้คุณหนูต้องการพักผ่อนแบบไหนคะ ครูก้อยจะช่วย” เด็กหญิงเหลือบตาขึน้ มอง ในดวงตาคูใ่ หญ่ด�ำงามทอประกายด้วย ความยินดี “ถ้างั้นหนูเลือกเอาไปนั่งรถเล่นรอบๆ บ้านดีกว่าค่ะ” “ตกลง ไปเดี๋ยวนี้เลยเอาไหมคะ” บุศมาลีพยักหน้า แล้วเอ่ยชวนอาสาว “อาอรไปเดินเที่ยวเล่นกับ หนูไหมคะ?” มายาพิศวาส 77


อาของแกสัน่ หน้าพร้อมกับยิม้ น้อยๆ “เห็นจะไม่ละจ้ะ อาจะถักเสือ้ ต่อให้เสร็จ บุศไปกับคุณก้อยเถอะ” กรพินธุ์เข็นรถพาเด็กหญิงออกจากตัวตึกลงไปสู่สวนรอบๆ บ้าน ด้วยท่าทางรื่นรมย์ ปากก็ชวนคุยไม่ขาดเสียง “บ้านของคุณหนูสวยมากนะคะ สวนก็สวย อะไรๆ ก็สวยไปทัง้ นัน้ น่าอยู่ท่ซี ู้ด” บุศมาลีหวั เราะให้กับน�้ำเสียงของผู้เป็นทั้งครูและพี่เลี้ยง “ค่ะ ใครๆ ก็วา่ ยังงัน้ แหละ เสียแต่หนูไม่คอ่ ยมีโอกาสได้ลงมาเทีย่ ว กับเขาเลยค่ะ” “อ้าว ท�ำไมล่ะคะ?” “ก็คณ ุ วงศ์น่ะซี...” เด็กหญิงท�ำปากเชิดอย่างไม่พอใจ “คอยแต่จะ ห้ามไว้เรื่อย หาว่าลมเย็นๆ จะท�ำให้หนูไม่สบาย คุณอาอรก็เชื่อค่ะ หนู อยากลงมาก็ไม่ค่อยมีใครพาลงนอกจากนานๆ สุภาจึงจะแอบเข็นรถลง มาสักครั้ง” กรพินธุ์พยักหน้าอย่างเข้าใจและเห็นใจเด็กหญิง “แล้วเวลาลงมา ข้างล่าง คุณหนูไม่สบายจริงหรือเปล่าคะ?” “ไม่เห็นเป็นอะไรเลยค่ะ หนูกป็ กติทุกที” “งัน้ ไม่เป็นไร ครูก้อยจะพาคุณหนูลงมาเดินเทีย่ ว ถ้าคุณหนูชอบ” ดวงตาของเด็กหญิงแวววาวขึ้นอีกครั้ง ยิ้มจนเห็นรอยลักยิ้มบุ๋ม “ดีค่ะ...วันนี้เราไปดูสวนหินของคุณอาหมอกันนะคะ คุณครู หนู ไม่ได้ไปที่นั่นนานแล้ว” “เอาซีคะ ว่าแต่สวนหินของคุณอาหมออยู่ทางไหนล่ะ ไกลหรือ เปล่าคะ?” “อยูด่ า้ นหลังค่ะ คุณครูเข็นรถอ้อมไปทางโน้นซีคะ หนูจะคอยบอกทาง” กรพินธุ์เข็นรถเลี้ยวไปตามถนนโรยกรวดที่เด็กหญิงชี้บอก ผ่านไป ทางหลังคฤหาสน์ ซึง่ ปลูกเป็นสวนขนาดย่อม จัดแต่งอย่างงดงามด้วยหมู่ ไม้คละเคล้าแต่ได้จงั หวะจะโคนดี ซึง่ กรพินธุห์ มายตาไว้วา่ วันหลังต้องหา 78 จินตวีร์ วิวัธน์


โอกาสมาเดินเที่ยวชมคนเดียวให้ได้ เด็กหญิงบุศมาลีบอกให้เข็นรถไปตามทางโรยกรวดเล็กๆ ที่ทอด คดเคีย้ วไปตามแมกไม้เขียวชอุม่ ในสวน จนสุดปลายสวนซึง่ มีประตูไม้ทาสี ขาวปิดอยู่บานหนึ่ง เด็กหญิงก็อุทานอย่างไม่สบอารมณ์ “ว้า! ประตูปิดเสียแล้ว ใครปิดก็ไม่รู้ ใส่กุญแจด้วยกระมังคะ?” “ท�ำไมต้องใส่กุญแจคะ คุณอาหมอของคุณหนูไม่อยากให้ใคร เข้าไปในนั้นหรือ?” “เปล่าหรอกค่ะ ทุกทีก็ไม่เห็นปิดประตู วันนี้ท�ำไมปิดก็ไม่ทราบ คุณครูลองผลักประตูดูซคี ะ” กรพินธุ์วางมือจากรถเข็น ตรงเข้าไปที่ประตูเล็กทาสีขาวนั้น ลอง จับเขย่าดูเบาๆ ปรากฏว่ามันติดกุญแจจริงๆ “ว้า...” เด็กหญิงบนรถเข็นอุทานอย่างผิดหวัง หน้าสลด ผูเ้ ป็นทัง้ ครูและพีเ่ ลีย้ งเห็นสีหน้านัน้ เข้าก็สงสารถามทันที “คุณหนู อยากเข้าไปดูจริงๆ หรือคะ?” “ค่ะ หนูไม่ได้เห็นนานแล้ว” “งัน้ ครูก้อยจะลองดูนะคะ” พูดพลางหล่อนก็ยกมือขึน้ ดึงกิบ๊ เสียบ ผมออกมา กรพินธุ์เหยียดมันออก แล้วเสียบเข้าไปในรูกุญแจ หมุนไปมาเป็น ครู่ใหญ่ๆ ก็มีเสียงกริ๊กเบาๆ และเมื่อหล่อนลองผลักประตูอีกครั้ง มันก็ เปิดอย่างง่ายดาย “ไชโย้!” เด็กหญิงอุทานพลางตบมืออย่างดีใจ คุณครูคนใหม่เดินกลับมาเข็นรถผ่านประตูเล็กนั้นเข้าไปทันที เพียงแค่พน้ ประตูเข้าไป หล่อนก็ตอ้ งหยุดนิง่ กับที่ ทอดตามองรอบ บริเวณด้วยความสนใจแกมฉงน เป็น ‘สวนหิน’ จริงๆ อย่างที่หนูบุศมาลีว่า บนเนื้อที่อันกว้างขวางนั้น มีก้อนหินก้อนใหญ่รูปร่างต่างๆ วาง มายาพิศวาส

79


ระเกะระกะอยู่บนพื้นประมาณ ๒๐ ก้อน แต่ก็เห็นได้ชดั ว่า ผู้วางได้เลือก มุมวางมันไว้ให้ดูเกะกะอย่างมีศิลป์ แต่อะไรก็ไม่ประหลาดเท่าลักษณะ ของหินเหล่านั้น

80

จินตวีร์ วิวัธน์


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.