เมื่อเสือกินเสือ : โดย วสิษฐ เดชกุญชร

มีผู้ส่งสำเนา (ภาพถ่าย) เอกสาร 3 ฉบับมาให้ผม อันเป็นที่มาของบทความวันนี้
ฉบับแรกเป็นคำร้องขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืนของร้อยตำรวจเอกผู้หนึ่ง ยื่นต่อนายทะเบียนท้องที่ (ซึ่งก็คือนายอำเภอ) ขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มิลลิเมตร จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน เพื่อใช้ปฏิบัติหน้าที่สืบสวนสอบสวนป้องกันปราบปรามและใช้ป้องกันทรัพย์สินของตนเอง โดยซื้ออาวุธปืนจากโครงการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)

ข้อความในคำร้องแสดงว่าผู้ร้องเป็นนายตำรวจประจำการ มีหน้าที่สืบสวนสอบสวนและป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และปืนที่ขอซื้อก็เป็นปืนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดหามาให้ซื้อ

ปลัดอำเภอผู้รับคำร้องเสนอความเห็นต่อนายทะเบียนอาวุธปืน (คือ นายอำเภอ) ว่าเห็นควรอนุญาต
นายทะเบียนหรือนายอำเภอยังไม่อนุญาต แต่เกษียนสั่งที่ท้ายคำร้องด้วยลายมือของตนเองว่า “ขั้นตอนการขออนุญาต 1.ทำประชาคม 1.1 หมู่บ้าน 1.2 ตำบล 1.3 อำเภอ 2.สอบความรู้เรื่องอาวุธปืนกับนายอำเภอ 3.สถานที่เก็บ 4.มีอาวุธปืนเดิมอยู่แล้วกี่กระบอก 5.ทำพิธีรับมอบ ป.4 (สาบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์)”

ผมไม่แน่ใจว่าคำว่า “ทำประชาคม” ในข้อ 1 หมายความว่าอะไร แต่ความในข้อ 2 แสดงชัดว่านายอำเภอต้องการให้ผู้ร้องซึ่งเป็นร้อยตำรวจเอก ไปให้นายอำเภอสอบความรู้เรื่องอาวุธปืนก่อน ส่วนความในข้อ 3 และ 4 แสดงว่านายอำเภอต้องการรู้ว่าผู้ร้องจะเก็บปืนกระบอกที่จะซื้อไว้ที่ไหน และเดิมผู้ร้องมีปืนอยู่แล้วกี่กระบอก

Advertisement

ส่วนความในข้อ 5 นั้นเป็นของใหม่สำหรับผม เพราะแสดงว่าเดี๋ยวนี้ใครที่ได้รับอนุญาตให้มีปืนจะต้องเข้าพิธีรับมอบใบอนุญาต และในพิธีดังกล่าวต้องมีการสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วย

เอกสารฉบับที่ 2 เป็นหนังสือจากนายอำเภอแห่งหนึ่งมีถึงผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่ง มีใจความว่า พันตำรวจตรีผู้หนึ่งได้ยื่นคำร้องขอซื้ออาวุธปืนต่อนายอำเภอ จึงขอให้สถานีตำรวจภูธรแห่งนั้นพิมพ์ลายนิ้วมือและตรวจสอบประวัติผู้ร้องเพื่อให้ทราบว่า 1.เคยต้องโทษจำคุกสำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่ 2.เคยต้องโทษจำคุกตั้งแต่สองครั้งขึ้นไประหว่างห้าปีย้อนขึ้นไปจากวันยื่นคำขอมีอาวุธปืนดังกล่าวหรือไม่ 3.เคยต้องโทษจำคุกสำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 หรือไม่ และ 4.เป็นผู้มีพฤติการณ์เกี่ยวกับยาเสพติด และมีชื่อในบัญชีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่

เอกสารฉบับที่ 3 เป็นหนังสือด่วนที่สุด มีความยาวประมาณหนึ่งหน้าครึ่ง ลงวันที่ 18 ธันวาคมปีนี้ จากอธิบดีกรมการปกครองถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด มีใจความสำคัญว่า ปรากฏตามข่าวสารออนไลน์และมีข้าราชการตำรวจร้องเรียนไปยังผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยหลายกรณีว่า ในการขออนุญาตมีอาวุธปืนมีการประวิงเวลา ดำเนินการล่าช้าเกินสมควร พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติเกินกว่าขอบเขตที่กฎหมายกำหนด และมีการเรียกรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเพื่อแลกกับความรวดเร็วในการอนุญาต ทั้งสิ้นนี้กรมการปกครองเห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่ขัดต่อความเป็นข้าราชการและส่อไปในทางทุจริต จึงให้จังหวัดสั่งกำชับนายทะเบียนและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายโดยเคร่งครัด ห้ามพิจารณาเกินกว่าขอบเขตที่กฎหมายกำหนด และเพราะข้าราชการตำรวจมีสถานภาพความเป็นราชการ เมื่อผู้บังคับบัญชาได้รับรองความประพฤติเป็นหลักประกันแล้ว นายทะเบียนก็ไม่ต้องตรวจสอบคุณสมบัติด้วยวิธีการใดๆ อีก

Advertisement

และหากมีการกระทำเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือมีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ก็ให้จังหวัดตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เพื่อจะได้เอาผิดทางวินัยและทางอาญาต่อไป
ผมขอจบบทความนี้ด้วยโคลงโลกนิติบทนี้

ถึงจนทนสู้กัด กินเกลือ
อย่าเที่ยวแล่เนื้อเถือ พวกพ้อง
อดอยากเยี่ยงอย่างเสือ สงวนศักดิ์
โซก็เสาะใส่ท้อง จับเนื้อกินเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image