ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เป็นเวลานานมาแล้วก่อนที่เทคโนโลยีจะถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อพยากรณ์อากาศ มนุษย์เรานั้นพึ่งพาการเฝ้าสังเกต ดูแบบแผนธรรมชาติ และอาศัยนิยายปรัมปราของคนรุ่นก่อนหน้ามาใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับผลกระทบจากธรรมชาติตัวนี้ หลังจากที่คุณได้ฝึกฝนวิธีการเหล่านี้และได้ปรับตัวใส่ใจมองดูท้องฟ้า, สายลม และพฤติกรรมของสัตว์อย่างเข้าใจแล้ว มันก็เป็นไปได้ที่คุณจะทำนายสภาพอากาศได้อย่างค่อนข้างแม่นยำ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

สังเกตท้องฟ้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ชนิดของก้อนเมฆบนท้องฟ้าและทิศทางที่มันลอยล่องไป สามารถบอกคุณถึงสภาพอากาศที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างมาก โดยทั่วไปแล้ว เมฆที่เป็นก้อนสีขาวลอยสูงจะเป็นตัวชี้ว่าอากาศดี ส่วนเมฆดำครึ้มและลอยต่ำหมายถึงฝนหรือพายุกำลังจะพัดเข้ามา[1]
    • การปรากฏของเมฆคิวมูโลนิมบัส (cumulonimbus) ตั้งแต่ช่วงเช้าของวัน และเพิ่มปริมาณขึ้นในระหว่างวัน แสดงว่ามีโอกาสสูงที่พายุฝนรุนแรงจะเกิดขึ้นอีกในไม่ช้า
    • เมฆแมมมาตัส (Mammatus – ก่อตัวจากอากาศที่ถูกกดต่ำลง) สามารถเกิดขึ้นพร้อมพายุฝนฟ้าคะนองที่อาจถึงขั้นรุนแรงได้
    • เมฆเซอร์รัส (Cirrus) หรือ “เมฆหางม้า” จะลอยสูงอยู่บนท้องฟ้าเหมือนไอน้ำสายยาว หมายถึงจะเกิดฝนตามมาภายในอีก 36 ชั่วโมงข้างหน้า
    • เมฆอัลโตคิวมูลัส (Altocumulus) ซึ่งมีลักษณะเหมือนเกล็ดปลาแม็คเคอเรล ก็เป็นตัวชี้ว่าจะเกิดฝนภายใน 36 ชั่วโมงข้างหน้าเช่นกัน
    • มีความเป็นไปได้ที่เมฆเกล็ดปลากับหางม้าจะก่อตัวขึ้นพร้อมกันบนท้องฟ้า หากเกิดเช่นว่านี้จริง แน่ใจได้เลยว่าวันรุ่งขึ้นมีฝนตก
    • เมฆคิวมูลัสก่อตัวสูงดั่งหอคอยแสดงว่ามีโอกาสเกิดฝนล่วงเวลาของวันนั้น
    • เมฆนิมโบสตราตัส (Nimbostratus) จะลอยตัวหนาต่ำบนท้องฟ้า แสดงว่าฝนใกล้เข้ามาแล้ว
    • เวลาท้องฟ้ามีเมฆปกคลุมในตอนกลางคืนของหน้าหนาว แสดงว่าเดี๋ยวอากาศจะอุ่นขึ้น เนื่องจากเมฆจะไปกันการแผ่รังสีความร้อนที่จะทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงในคืนที่ท้องฟ้าสดใส
  2. ยังจำกลอนวัยเด็กได้ไหมที่ว่า “ท้องฟ้าสีเพลิงยามราตรี กะลาสีสำราญใจ ท้องฟ้าสีเพลิงยามอาทิตย์อุทัย กะลาสีพึงจำไว้พายุมา” มองหาสัญญาณใดๆ ที่บ่งบอกว่าท้องฟ้าจะเป็นสีแดง (ไม่ใช่ดวงอาทิตย์เป็นลูกสีแดง) มันจะไม่ได้เป็นสีส้มหรือแดงแจ๊ดในเวลาส่วนใหญ่ แต่จะขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่ที่ตรงไหน
    • ถ้าหากคุณเห็นท้องฟ้าสีแดงในตอนพระอาทิตย์ตก (เวลามองไปทางทิศตะวันตก) นั่นคือมีความกดอากาศสูงที่มาพร้อมลมหนาวกำลังพัดหอบอนุภาคฝุ่นผงในอากาศ ทำให้ท้องฟ้าดูเป็นสีแดง และเนื่องจากกระแสลมกรดและการเคลื่อนไหวของแนวความกดอากาศมักจะเคลื่อนที่จากทางทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออก จึงแสดงว่า ลมแล้งหนาวกำลังพัดมาหาคุณ
    • ท้องฟ้าเป็นสีแดงในเวลาเช้า (ในทางทิศตะวันออก) หมายถึงลมแล้งนั้นได้พัดผ่านคุณไปแล้ว และที่ตามมาข้างหลัง (หรือกำลังเคลื่อนเข้ามาหาคุณ) ก็คือความกดอากาศต่ำที่นำพาความชื้นมาด้วย
  3. นี่ก็เป็นผลมาจากแสงแดดยามเช้าจากทางทิศตะวันออกส่องไปกระทบความชื้นทางทิศตะวันตก แนวพายุขนาดใหญ่ในทางซีกโลกด้านเหนือนั้นส่วนใหญ่แล้วมักจะพัดจากทางทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก และการเกิดรุ้งกินน้ำทางทิศตะวันตกก็ย่อมหมายถึงความชื้นซึ่งอาจกลายเป็นฝนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ในทางตรงกันข้าม รุ้งกินน้ำที่เกิดทางทิศตะวันออกในตอนพระอาทิตย์ตกหมายความว่าฝนกำลังเคลื่อนออกไปและคุณสามารถนั่งรอฟ้าใสในวันรุ่งขึ้นได้ จำไว้ว่า “รุ้งกินน้ำยามรุ่งสาง ถอยห่างมาฟังคำเตือน”[2]
  4. ถ้ามันมีสีออกแดงหรือซีด แสดงว่าท้องฟ้ามีฝุ่นละออง แต่หากดวงจันทร์สว่างไสวและเห็นได้คมชัด มันก็น่าจะเป็นเพราะความกดอากาศต่ำได้กวาดฝุ่นละอองในอากาศออกไป และความกดอากาศก็หมายถึงฝน
    • หากเกิดพระจันทร์ทรงกลด (มีวงแหวนรอบดวงจันทร์อันเกิดจากแสงส่องผ่านเมฆเซอร์โรสตราตัส - cirrostratus ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับแนวอากาศอุ่นและความชื้น) สามารถบ่งบอกได้ว่าจะมีฝนตกภายในสามวันข้างหน้า
    • จดจำคำโบราณที่ว่า “จันทร์มีวงล้อมรอบ หอบฝนมา”
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

รู้สึกถึงลมและอากาศ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณไม่สามารถตรวจจับทิศทางลมได้ในทันที ใช้วิธีโปรยเศษหญ้าขึ้นไปในอากาศแล้วดูทิศทางที่มันร่วงปลิว ลมตะวันออกซึ่งพัดมาจากทางทิศตะวันออกนั้นชี้ว่ามีพายุเข้า ลมตะวันตกหมายถึงอากาศดี ลมพัดแรงแสดงถึงความแตกต่างของความกดอากาศมีสูง ซึ่งเป็นสัญญาณของแนวลมพายุ
  2. ควันควรจะลอยขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถ้าหากควันลอยเป็นเกลียวและลดระดับต่ำ นั่นเกิดจากความกดอากาศต่ำ แสดงว่าฝนกำลังตั้งเค้ามา
  3. หากหญ้าแห้ง แสดงว่ามีเมฆหรือลมแรงซึ่งก็คือฝนกำลังจะมานั่นเอง ถ้าเกิดน้ำค้างวันนั้นก็มีสิทธิฝนไม่ตก อย่างไรก็ดี ถ้าหากเมื่อคืนที่ผ่านมานั้นมีฝนตก วิธีการนี้ก็ไม่อาจวัดอะไรได้
  4. ต้นไม้ที่ผลัดใบจะพลิกเอาใบด้านล่างขึ้นมาให้เห็นยามมีลมไม่ประจำถิ่นพัดมา ทั้งนี้ก็เพราะมันจะพยายามเจริญเติบโตโดยการเอาด้านที่ถูกต้องหงายขึ้นในช่วงระหว่างลมประจำถิ่น
  5. หลับตาลงและสูดอากาศ พืชนั้นจะปล่อยของเสียออกมาในอากาศที่มีความกดต่ำ ส่งผลให้มีกลิ่นทำนองปุ๋ยหมักออกมา ซึ่งก็เป็นตัวชี้ว่าจะมีฝน
    • ป่าพรุจะปล่อยแก๊สออกมาก่อนจะเกิดพายุเข้าเนื่องจากความกดอากาศต่ำ จึงทำให้เกิดกลิ่นที่ไม่ชวนดมเท่าไหร่
    • มีสุภาษิตเก่าว่าไว้ “ดอกไม้จะหอมสุดยามก่อนฝนมา” กลิ่นนั้นจะส่งแรงขึ้นในอากาศที่มีความชื้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดฝน[3]
  6. มีคนหลายคนที่สามารถรู้สึกถึงความชื้นในอากาศ โดยเฉพาะในสภาพเส้นผม (มันจะม้วนงอนขึ้นและหยิกหยอย) คุณยังสามารถดูใบต้นโอ๊คหรือเมเปิ้ล ใบของต้นไม้เหล่านี้มักจะม้วนงอในสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง ซึ่งมักจะตามมาด้วยฝนหนัก
    • เปลือกของลูกสนจะปิดในยามที่ความชื้นในอากาศสูง แต่จะเปิดอ้าออกในอากาศแห้ง
    • ภายใต้สภาพอากาศที่มีความชื้นสูง ไม้จะบวมขึ้น (ดูได้จากประตูที่จะฝืดแน่น) และเกลือจะจับตัวเป็นก้อน
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

สังเกตพฤติกรรมสัตว์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าหากพวกมันบินสูงบนท้องฟ้า ดูเหมือนว่าอากาศน่าจะดี ความกดอากาศที่ต่ำลงมาอันเนื่องมาจากพายุฝนนั้นจะทำให้นกเกิดอาการรำคาญหู พวกมันจึงจะบินต่ำเพื่อบรรเทาอาการปวดหูนั้น ถ้าเราเห็นนกจำนวนมากบินมาเกาะตามสายไฟแสดงว่าความกดอากาศจะต่ำลงมา
    • นกนางนวลมักจะหยุดบินและเสาะหาที่หลบซ่อนตามชายฝั่งหากพายุกำลังจะพัดเข้ามา
    • นกจะหยุดส่งเสียงเจื้อยแจ้วในทันทีที่ฝนกำลังจะตก
  2. พวกมันจะล้มตัวนอนก่อนเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง และพวกมันมักจะมารวมฝูงกันเวลาที่จะเกิดสภาพอากาศเลวร้าย
  3. บางคนบอกว่ามดจะก่อรังให้มันสูงชันขึ้นก่อนที่ฝนจะมา
  4. ว่ากันว่าพวกมันมักคลานขึ้นที่สูงเมื่อคาดว่าจะมีฝนตกหนัก คุณอาจเห็นมันคลานต้วมเตี้ยมขึ้นมาบนถนนก่อนฝนตกสัก 1 ถึง 2 วัน
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

สร้างวิธีการพยากรณ์ในแบบของคุณเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทุกวิธีของการพยากรณ์อากาศล้วนแล้วแต่มีที่มาจากหลักการพื้นฐานอย่างเดียวกัน: ความกดอากาศต่ำนำฝนมา และระบบภูมิอากาศที่มีอิทธิพลสำคัญจะเคลื่อนที่จากทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก การพยากรณ์สภาพอากาศก็คือการตระหนักถึงสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศในพื้นที่ที่คุณอยู่นั่นเอง
    • ในขณะที่สภาพภูมิอากาศหลักจะเคลื่อนตัวจากทางตะวันตกไปทางตะวันออกก็จริง แต่พายุที่เกิดในภูมิภาคจำเพาะอาจไม่ได้เป็นตามนั้น เนื่องมาจากปัจจัยด้านอากาศของแต่ละภูมิภาคนั้นๆ
  2. โดยการตั้งสมมติฐานแล้วพยายามทดสอบการคาดหมายของตัวเอง คุณจะสามารถลงลึกในการปรับฝีมือการพยากรณ์ของคุณได้ละเอียดเกินกว่าที่บทความไหนๆ จะสามารถให้คำแนะนำแก่คุณได้
    • คนที่อยู่ติดพื้นที่มาเป็นเวลานานและใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กลางแจ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาวนาชาวไร่ ชาวประมงหรืออะไรทำนองนั้น เรียนรู้ที่จะสังเกตหาร่องรอยที่จะบ่งชี้ให้พวกเขาได้ทราบถึงแบบแผนของสภาพอากาศในระยะยาวและการเปลี่ยนฤดูในพื้นที่ที่มีลักษณะเด่นเฉพาะตัวของพวกเขา
    • ให้ความสำคัญกับตอกไม้และพืชผลในบริเวณที่คุณอยู่ เริ่มสังเกตหารูปแบบหรือแบบแผนที่จะทำให้คุณเข้าใจในรูปแบบของอากาศได้ดียิ่งขึ้น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • คุณสามารถใช้บารอมิเตอร์เพื่อวัดความเปลี่ยนแปลงของแรงกดอากาศได้ จดบันทึกและสังเกตว่ามีอย่างอื่นใดบ้างที่เกิดขึ้นยามที่ความกดอากาศเปลี่ยนแปลง พยายามใส่ใจในรายละเอียดแล้วคุณอาจจะได้ข้อสรุปวิธีการพยากรณ์อากาศในพื้นที่อย่างแม่นยำก็ได้
  • ข้อมูลในบทความนี้ที่เกี่ยวข้องกับทิศทาง (อาทิเช่น ลมตะวันตกหมายถึงอากาศดี) ใช้ได้เฉพาะกับประเทศทางซีกโลกเหนือ ให้ตรวจสอบดูว่าปกติแล้วในพื้นที่ของคุณเป็นแบบไหน
  • มีคำของเหล่ากะลาสีเก่าเล่าถึงชนิดของก้อนเมฆว่า “หากหางม้าและเกล็ดปลามาให้เห็น ก็ไม่จำเป็นต้องกางใบเรือ”
โฆษณา

คำเตือน

  • สภาพอากาศที่รุนแรงบางรูปแบบเช่นพายุทอร์นาโดนั้นยากที่จะพยาการณ์ได้อย่างวางใจ ให้ตรวจสอบการพยากรณ์ในพื้นที่ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะปลอดภัยเมื่อพายุกำลังก่อตัวมา
  • การพยากรณ์อากาศในรูปแบบที่ว่ามานี้ไม่ได้เป็นวิทยาศาสตร์โดยแท้จริง อย่าเอาชีวิตตัวเองหรือคนอื่นไปเสี่ยงกับการทดลองพวกนี้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

ทีมงานวิกิฮาว
ร่วมเขียน โดย:
นักเขียนในทีมวิกิฮาว
บทความนี้ร่วมเขียนโดยเหล่าบรรณาธิการและนักวิจัยที่ผ่านการฝึกฝนมาเพื่อความถูกต้องและครอบคลุมของเนื้อหา

ทีมผู้จัดการด้านเนื้อหาของวิกิฮาว จะตรวจตราผลงานจากทีมงานด้านเนื้อหาของเราเพื่อความมั่นใจว่าบทความทุกชิ้นได้มาตรฐานตามที่เราตั้งไว้ บทความนี้ถูกเข้าชม 46,286 ครั้ง
มีการเข้าถึงหน้านี้ 46,286 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา