เลือกตั้งมาเลเซีย 2018: มหาเธร์นำแนวร่วมฝ่ายค้านคว้าชัยได้จัดตั้งรัฐบาล

มหาเธร์ โมฮัมหมัด

ที่มาของภาพ, Getty Images

แนวร่วมฝ่ายค้านซึ่งนำโดยนายมหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีวัย 92 ปี ชนะการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ ยุติการปกครองประเทศมานาน 6 ทศวรรษของแนวร่วมรัฐบาล 'บีเอ็น'

จากผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ แนวร่วมฝ่ายค้าน 'ปากาตัน ฮาราปัน' (Pakatan Harapan - PH) หรือ 'แนวร่วมแห่งความหวัง' ของนายมหาเธร์ คว้าที่นั่งไปได้แล้ว 113 ที่นั่ง เกินกว่าจำนวน 112 ที่นั่งในรัฐสภาที่จำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาล

ขณะที่พรรคแนวร่วมรัฐบาล 'บีเอ็น' ได้เพียง 79 ที่นั่งเท่านั้น ลดลงเกือบจากที่เคยมีทั้งหมด 133 ที่นั่ง

นายมหาเธร์ ซึ่งจะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุมากที่สุดในโลก ได้พักการเกษียณ เพื่อเข้ามาชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกับนายนาจิบ ราซัค รักษาการนายกรัฐมนตรี ซึ่งพัวพันกับการทุจริตขนาดใหญ่ในกองทุน 1 Malaysian Development Berhad หรือ 1MDB

"เราไม่ได้จะหาทางแก้แค้น เราต้องการฟื้นฟูหลักนิติธรรม" มหาเธร์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวขณะที่เขาประกาศชัยชนะ และบอกด้วยว่า ในวันพฤหัสบดี (10 พ.ค.) จะมีพิธีสาบานตนเพื่อเข้ารับตำแหน่ง

ล่าสุดวันนี้ นายนาจิบได้กล่าวยอมรับมติของประชาชน และปฏิเสธข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการทุจริตในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยยืนยันว่าไม่มีการโกงเลือกตั้งเกิดขึ้นในส่วนของพรรคแนวร่วมรัฐบาล 'บีเอ็น'

อย่างไรก็ตาม นายนาจิบกล่าวว่า เมื่อไม่มีพรรคใดได้ที่นั่งส่วน.หญ่ของสภาฯ ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับสมเด็จพระราชาธิบดีมูฮัมมัดที่ 5 ประมุขแห่งรัฐมาเลเซีย ว่าจะทรงตัดสินพระทัยให้ใครจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลชุดต่อไป นอกจากนี้นายนาจิบยังมีท่าทีตั้งคำถามต่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของพันธมิตรฝ่ายค้านที่ประกอบด้วย 5 พรรคการเมือง

มหาเธร์ โมฮัมหมัด

ที่มาของภาพ, EPA

ผลการนับคะแนนเลือกตั้งเสร็จสิ้นลงแล้วทั้ง 222 ที่นั่ง เว็บไซต์มาเลเซียกินี รายงานว่า แนวร่วมฝ่ายค้านนำแนวร่วมรัฐบาลอยู่ 122:79 ที่นั่ง ขณะที่พรรคอิสลามแห่งมาเลเซีย หรือพาส (Parti Islam SeMalaysia หรือ PAS) ได้ไป 18 ที่นั่ง ส่วนที่เหลือเป็นที่นั่งของพรรคขนาดเล็กอื่น ๆ

บีเอ็น เผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการเลือกตั้งครั้งนี้มากกว่าที่เคยเผชิญ ท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชนเกี่ยวกับค่าครองชีพ และเรื่องอื้อฉาวกองทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของนายนาจิบ ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2015

รอยเตอร์รายงานว่าผลการสำรวจความคิดเห็นในวันก่อนวันเลือกตั้ง พบว่า การสนับสนุนแนวร่วมรัฐบาลลดลง และแนวร่วมของมหาเธร์จะได้คะแนนเสียงมากกว่า

นายนาจิบ (ซ้าย) เคยได้รับการสนับสนุนจากนายมหาเธร์ (กลาง)

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, นายนาจิบ (ซ้าย) เคยได้รับการสนับสนุนจากนายมหาเธร์ (กลาง)

ภายใต้ระบบเลือกตั้งของมาเลเซียในปัจจุบัน พรรคหรือแนวร่วมที่ได้ที่นั่งข้างมากในสภาจะเป็นฝ่ายชนะ

ด้านฝ่ายค้าน อ้างว่า การแข่งขันไม่ยุติธรรม เพราะมีการปรับเขตเลือกตั้งใหม่ และจัดเลือกตั้งช่วงกลางสัปดาห์ ซึ่งจะทำให้ผู้คนหลายล้านอาจไม่ไปลงคะแนน ขณะที่ กกต. และรัฐบาลปฏิเสธข้อกล่าวหา

นายมหาเธร์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยส่วนสำคัญของแนวร่วมรัฐบาล และเป็นผู้ให้คำปรึกษาแก่นายนาจิบ ได้ถอนตัวออกมาจากแนวร่วมในปี 2016 และปัจจุบันเป็นผู้นำแนวร่วมฝ่ายค้าน 'ปากาตัน ฮาราปัน'

ในช่วงที่เขาถอนตัว เขาได้ประกาศว่าเขารู้สึก "อับอาย" ที่จะข้องเกี่ยวกับพรรค "ที่ถูกมองว่าสนับสนุนการทุจริต"

นายนาจิบ เองก็พัวพันกับเรื่องอื้อฉาว ซึ่งเขาถูกกล่าวหาว่านำเงินจากองทุน 1MDB ของรัฐบาลเข้ากระเป๋าตัวเอง 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 22,400 ล้านบาท แต่เจ้าตัวปฏิเสธ

ขณะนี้หลายประเทศกำลังสอบสวนกองทุนนี้อยู่ และนายนาจิบ ก็ถูกกล่าวหาว่า ขัดขวางการสอบสวนของทางการมาเลเซีย ด้วยการปลดเจ้าหน้าที่ทางการตำแหน่งสำคัญ

เลือกตั้งมาเลเซีย

ที่มาของภาพ, AFP/Getty Images

คำบรรยายภาพ, สื่อท้องถิ่นยกให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็น "มารดาแห่งการเลือกตั้งทั้งปวง" เพราะแข่งขันกันดุเดือด และยากจะคาดเดาผล

การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด ระหว่างนายมหาเธร์ อดีตนายกรัฐมนตรี วัย 92 ปี ซึ่งเป็น "ครูทางการเมือง" ของนายนาจิบวัย 64 ปี และผลที่ออกมาก็ยากจะคาดเดาได้

หากแนวร่วมฝ่ายค้านภายใต้การนำของนายมหาเธร์ชนะการเลือกตั้ง จะถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับมาเลเซีย ซึ่งปกครองโดยแนวร่วมรัฐบาล 'บีเอ็น' มายาวนานถึง 61 ปีนับจากได้รับเอกราชจากอังกฤษ

นอกจากนี้นายนาจิบกับนายมหาเธร์แล้ว ยังมีผู้ท้าชิงอีกคนที่สื่อต่างประเทศไม่ค่อยพูดถึงนักคือ นายอับดุล ฮาดี อาวัง วัย 70 ปี ประธานพรรคพาส

เมื่อดูกำลังหนุนจากสภาท้องถิ่นแล้ว พรรครัฐบาลของนายนาจิบควบคุมสภา 10 จาก 13 รัฐ ส่วนพรรคฝ่ายค้านปีกของนายมหาเธร์ คุมปีนัง กับเซลังงอร์ ขณะที่พาสคุมสภาในกลันตัน

นายนาจิบ ราซัค

ที่มาของภาพ, AFP/Getty Images

คำบรรยายภาพ, นายนาจิบ ราซัค ไปหย่อนบัตรเลือกตั้งเพื่อรักษาเก้าอี้นายกฯ สมัยที่สามของตนเอง

การเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้ง 8,898 แห่งทั่วประเทศ ดำเนินไปจนถึงเวลา 17.00 น. (16.00 น. ตามเวลาไทย) ซึ่งเป็นเวลาปิดหีบ

การเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้น หลังนายนาจิบประกาศยุบสภาเมื่อ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้านว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่บริสุทธิ์และยุติธรรม เนื่องจาก กกต. มาเลเซียซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล ได้กำหนดเขตเลือกตั้ง และกำหนดจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในแต่ละเขต แบบเอื้อประโยชน์ให้แนวร่วมรัฐบาลบีเอ็น ซึ่งมีพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) ของนายนาจิบเป็นแกนนำ ทว่านายนาจิบยืนยันว่า กกต. "ทำเพื่อประโยชน์ของทุกคน"

เลือกตั้งมาเลเซีย

ที่มาของภาพ, AFP/Getty Images

คำบรรยายภาพ, การลงคะแนนเลือกตั้งครั้งที่ 14 ของมาเลเซียเกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น

ทั้งนี้ กลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 21-39 ปี ถือเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งนี้ โดยคิดเป็น 41% แต่พวกเขาไม่กระตือรือร้นในการไปใช้สิทธิมากนั้น ส่วนหนึ่งมองว่าเป็นการเลือกตั้งที่ "ไม่มีทางเลือก" ขณะที่บางส่วนรณรงค์ให้ประชาชนไป "เลือกตั้งโดยยุทธศาสตร์" กล่าวคือ เทคะแนนให้นายมหาเธร์เพื่อปฏิเสธการหวนคืนเก้าอี้นายกฯ สมัยที่สามของนายนาจิบ ผู้เผชิญเรื่องอื้อฉาว

เลือกตั้งมาเลเซีย

ที่มาของภาพ, AFP/Getty Images

ปฏิกิริยาจากต่างชาติ

หลังทราบผลการเลือกตั้ง สหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์แสดงความยินดีกับประชาชนชาวมาเลเซียที่ได้มีส่วนร่วมกับการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างกระตือรือร้น

"เราคาดหวังอย่างเต็มที่ว่าทุกสถาบันจะดำเนินการตามหน้าที่และความรับผิดชอบต่อผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ตามรัฐธรรมนูญและความต้องการของประชาชน" สหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์

ขณะที่นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ กล่าวผ่านทวิตเตอร์ถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองชาติ พร้อมระบุว่าการเลือกตั้งของมาเลเซียเป็นที่สนใจของชาวสิงคโปร์จำนวนมาก และ "ชัดเจนว่าผลที่ออกมาแสดงถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการเมืองมาเลเซีย"

"ในฐานะเพื่อนบ้านใกล้ชิดที่สุดของมาเลเซีย เรามีส่วนได้ส่วนเสียในความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของมาเลเซีย แม้ว่าการเมืองของมาเลเซียเป็นเรื่องที่ชาวมาเลเซียเป็นผู้ตัดสินใจ แต่สิงคโปร์ก็หวังว่ามาเลเซียจะมีพัฒนาทางการเมืองที่ดี" นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์กล่าว

ข้าม Twitter โพสต์
ยินยอมรับเนื้อหาจาก Twitter

บทความนี้ประกอบด้วยเนื้อหาจาก Twitter เราขอความยินยอมจากคุณก่อนใช้คุกกี้ หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ บันทึกอะไรลงไป คุณอาจต้องอ่านนโยบายคุกกี้ของ Twitter และนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Twitter ก่อนให้ความยินยอม หากต้องการอ่านเนื้อหานี้ โปรดเลือก "ยินยอมและไปต่อ"

คำเตือน:เนื้อหาภายนอกอาจมีโฆษณา

สิ้นสุด Twitter โพสต์

นอกจากนี้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ร่วมแสดงความยินดีและแสดงความมั่นใจในตัวนายมหาเธร์ว่าจะสามารถนำพา "ประเทศมาเลเซียไปสู่อนาคตที่งดงาม" ผ่านทางทวิตเตอร์

"ขอแสดงความยินดีจากใจจริงแก่ ดร. มหาเธร์ โมฮัมหมัด ต่อการกลับมาอย่างสง่างามอีกครั้ง พลังของประชาชนชาวมาเลเซียได้ออกเสียงอย่างชัดเจนแล้วว่า พวกเขายังคงจดจำตำนานที่ยิ่งใหญ่ และความเป็นผู้นำของท่านยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของพวกเขาไม่เสื่อมคลาย " นายทักษิณกล่าว

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม ร่วมแสดงความยินดีกับชัยชนะในการเลือกตั้งของนายมหาเธร์ พร้อมยืนยันผ่านสื่อมวลชนว่านโยบายระหว่างสองประเทศรวมถึงการพูดคุยสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง "เพราะท่านมหาเธร์ โมฮัมหมัด กับประเทศก็เป็นมิตรที่ดีต่อกัน และเราก็ดีกับทุกคน"