Klipsch Cornwall IV
ลำโพง cornwall ถูกแนะนำให้ชาวโลกได้รู้จักครั้งแรกในปี 1959 นับจนถึงปัจจุบันก็อายุ 61 ปี
ถ้าเป็น product อื่นๆที่มีอายุยืนยาวขนาดนี้ก็ต้องเป็น product ที่เจ๋งและเก๋าพอตัว เพราะสามารถอยู่มาถึงชั่ว 6 ทศวรรษ โดยมีการปรับปรุงแค่ 4 ครั้งเท่านั้น และแต่ละครั้งที่มีการปรับปรุง ราคาก็ขึ้นพรวดๆ ชนิดก้าวกระโดด แต่ก็ยังมีแฟนๆทั่วโลกแห่กันให้ความสนใจและได้รับ positive review ในแทบจะทุกๆสำนักก็ว่าได้ (รุ่น IV ราคาขึ้นจากรุ่น III 1600 เหรียญ หรือราวๆ 5 หมื่นกว่าบาท)
และที่เจ๋งไปกว่านั้นก็คือ ไม่ได้มีการปรับปรุงดีไซน์ของตัวตู้ให้แตกต่างไปจากเดิมเมื่อ 60 ปีที่แล้วสักเท่าใดเลยด้วย
วันนี้เราได้รับตู้ Cornwall generation iv (4) สี American Walnut ซึ่งเพิ่งออกมาใหม่สดๆร้อนเมื่อปลายปีที่แล้ว และก็เข้ามาบ้านเราคู่นี้เป็นคู่แรก ณ วันที่ผมนั่งฟังอยู่นี้เอง
วันนี้นี่จึงเป็น cornwall iv คู่แรกในไทย คู่เดียวจริงๆ ณ ปัจจุบันในเดือนตุลาคมปลายปี 2020 เพราะปกติแล้วลำโพงในซีรี่ย์นี้จะเป็นงาน Hand made เพียงไม่กี่รุ่นที่ผลิตในโรงงาน Klipsch ที่อเมริกา และต้องสั่งทำ
ที่ผ่านมาเราติด Covid จึงทำให้ลำโพงคู่นี้ใช้เวลานานถึง 3 เดือนกว่าจะมาถึง
นี่ยังไม่รวมถึง LaScala ที่เราสั่งไปพร้อมกัน แต่กำหนดการน่าจะล่าช้าไปอีก 1-2 เดือน จึงทำให้รวมๆเวลาแล้วใช้เวลานานมากกว่าจะได้มาไว้ในครอบครองสักคู่
ลำโพงรุ่นนี้ที่อเมริกา เคลมไว้ว่ารับประกัน 10 ปี เขาบอกว่า build to last คือสร้างมันมันคงทนและอยู่ไปตลอดคู่กับชีวิตคุณ (ซึ่งปกติลำโพงมันก็ทนเป็น 10 ปีอยู่แล้ว)
ทุกคนคงรู้จัก Klipsch และรู้จักลำโพงในซีรีย์ Home Theater กันดีแล้ว
แต่ Klipsch ยังมีของดีลำโพงอีกซีรี่ย์นึงที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกและมีประวัติยาวนานกว่า 60 ปี ถูกสร้างมาเพื่อเป็นลำโพง Stereo ใช้สำหรับฟังเพลง นั่นคือ Heritage Series ที่ยืนหยัดพัฒนา Horn speaker มาทั้งหมด 5 รุ่น
ชื่อเสียงในเวทีผู้เล่นระดับโลกของ Klipsch บนตลาด 2 channel ต้องบอกว่าไม่เป็นสองรองใครและอยู่ในระดับต้นๆ ในหมวดหมู่ของลำโพง Horn ชั้นดี ้เพียงแต่ในตลาด local บ้านเราอาจจะไม่ได้ถูกนำมาทำตลาดเท่าไร่นัก
จะมีเพียงนักเล่นกลุ่มนึงที่เสาะแสวงหาของ vintage มาเล่นเท่านั้น แต่ในกลุ่มหลักที่ฟังเพลงอาจจะไม่รู้จักและไม่รู้เลยว่า Klipsch มีลำโพงที่ฟังเพลงได้อยู่ด้วย
Cornwall iv ออกแบบเป็นตู้เปิด ใช้ดอกทวีตเตอร์และ mid range ใหม่หมด
Tweeter : K-107-TI 1” (2.54cm) Titanium diaphragm
Mid range : K-702 1.75” (4.45cm) Polyimide diaphragm
Woofer : K-33-E 15” (38.1cm) Fiber-composite cone
Sensitivity 102 dB ซึ่งถือว่าสูงมาก
รองรับ max spl 119 dB Continuous
ต้องการกำลังขับ 100 watt (max 400 watt)
เป็นลำโพง 8 โอม 3 ทาง CROSSOVER ตัดกันที่ HF 5000Hz, MF: 700H
รองรับความถี่ 34Hz - 20kH
ตัวตู้มีน้ำหนัก 43 กิโลกรัม
มีขนาดตัวตู้ที่ติดไปทางอวบ อ้วน HEIGHT (96.52cm) WIDTH (64.3cm) DEPTH (39.4cm)
ด้านหลังมีขั้ว binding posts แบบ bi-wire
ในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา Klipsch ปรับปรุงลำโพงรุ่นนี้ 4 ครั้ง นั่นก็แปลว่าเฉลี่ยแล้วทุก 15 ปี cornwall จะออกรุ่นใหม่สัก 1 ครั้ง
และเมื่อปีที่แล้ว klipsch ก็ส่ง cornwall iv ออกสู่ตลาดพร้อมกับบอกว่า เราจะปรับปรุงเสียงลำดพงที่มีคนบอกว่ามัน perfect และไม่สามารถดีไปกว่านี้ได้แล้ว ให้ดีขึ้นไปอีกให้ดู
ดังนั้น cornwall iv ตัวนี้จึงออกมาพร้อมกับ driver ใหม่ และ Horn mid range ที่ใหญ่กว่าเดิม พร้อมกับกริลแบบใหม่ที่ดูแล้วผสมผสานความร่วมสมัยเข้าไปยิ่งขึ้น
หลังจากเราแกะออกมา ซึ่งข้างๆเรามีน้องเล็ก Heresy iv ซึ่งก็ใช้ tweeter , mid range รุ่นเดียวกันกับ cornwall iv ทุกประการ
เราจับมาเทียบกัน ขนาดจะต่างกันค่อนข้างมาก สาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะเขาออกแบบให้ Heresy สามารถนำไปใช้เป็น center สำหรับคนที่นำลำโพงใน series นี้ไปทำระบบ Home theater นั่นเอง
ผิวไม้ของทั้งคู่เป็น American walnut ซึ่งแต่ละคู่สีจะไม่เหมือนกัน แต่จะถูก match มาให้สีตรงกันทั้ง 2 ข้าง แต่เมื่อเทียบกับคู่อื่นสีก็จะต่างกันไปได้
จากที่เราครอบครองมาหลายคู่ สีสามารถแตกต่างกันได้มาก ตั้งแต่บางคู่สีอ่อน บางคู่สีเข้ม บางคู่่ลายไม้ชัด บางคู่ลายไม้ออกจางๆ ซึ่งถ้าถามว่าจะรู้ได้ไงว่าเราจะได้ลายแบบไหน ก็ต้องตอบตรงๆว่าแล้วแต่ดวง
แต่ที่แน่ๆ คู่ที่ Klispch ใช้ถ่ายโฆษณา หรือออกงานโชว์เครื่องเสียงลายมันจะสวยมากๆ ครับ ไปดูได้ตามคลิปใน youtube
ตัวตู้ของ Cornwall iv ค่อนข้างใหญ่ กว้าง และลึก ถ้าเทียบกับลำโพงตั้งพื้นทั่วๆไป ให้ความเป็นวินเทจสูง ตัวสีที่เราใช้เป็น american walnut ซึ่งเราเคยได้ตู้สีดำ (แต่เป็นรุ่นอื่น) ก็พบว่าสีดำไม่ค่อยเหมาะกับตู้สไตล์นี้เท่าไร่
ตะแกรงหน้าออกแบบใช้เป็นโลหะสานเป็นตะแกรงดูหรูหรา ติดโลโก้ cornwall สีเงินด้านบน สามารถติดเข้ากับตัวลำโพงด้วยแม่เหล็ก ซึ่งพอดีกับตัวตู้มาก และแน่นมาก จะเอาออกต้องแงะนิดนึง
เนื่องจากลำโพงซีรี่ย์นี้เป็นงาน hand made ที่ผลิตตาม order จึงมีความ unique ในแต่ละคู่สูง ไม่ว่าจะเป็นงานประกอบต่างๆ สีตู้ เป็นปกติของงานประกอบมือ ที่เป็นงาน analog หลังจากตรวจสอบความเรียบร้อยและจัดวางเสร็จแล้ว เปิดลองฟังด้วย Hegel H390 กำลังขับ 250 วัตต์ x2 ใช้ Tidal ผ่าน Roon เป็น player
Cornwall IV Sound
เสียงที่ได้ฟังครั้งแรกเลยหลังแกะกล่องนั้นสิ่งที่โดดเด่นต่างจาก Heresy iv, Heresy iii ที่เราฟังมาแบบโดดเด้งออกมาเลยก็คือ กลางแหลม และเบส
ซึ่งตอนแรกเราเข้าใจว่าการอัพเกรดจาก Heresy มาเป็น cornwall นั้นไม่น่าจะคุ้มค่าเท่าไร่ เพราะน่าจะได้แค่ spl ความดัง , head room ที่มากขึ้น และเบสที่คลุมห้องได้ดีขึ้น เหมือนกับลำโพงรุ่นใหญ่ขึ้นในซีรี่ย์เดียวกันของแบรนด์อื่นๆ
แต่เป็นความคิดที่ผิดมหันต์ เพราะเสียงที่ได้แม้จะใช้ tweeter, midrange ตัวเดียวกัน แต่เสียงมันไม่เหมือนกัน (เหมือน lascala, klipschorn ที่ใช้ดอกเดียวกัน แต่ราคาต่างกันหลายแสน และเสียงก็ต่างกัน)
- กลางแหลม ของ Cornwall iv ให้ความชัด ละเอียดกว่า Heresy iv แบบสัมผัสได้ ให้ได้กระทั่งบรรยากาศของเพลงที่อัดมาไม่ดี พวก noise ต่างๆ บรรยากาศ เสียงห้องอะไรที่อยู่ในแทร๊ค มันขุดขึ้นมาหมด สาเหตุอาจจะเป็นเพราะ Horn ที่ใช้ใน Cornwall นั้นใช้ horn ที่ใหญ่กว่ารุ่นอื่นมาก (horn คือท่อกรวยปากกว้าง ที่หล่อขึ้นรูปมาเป็นปากแตรซึ่งจะให้ความกังวาลของเสียงได้ดีตามขนาดของ Horn)
ซึ่ง Cornwall iv ใช้ Horn ใน Tweeter และ Mid range ส่วนรุ่นสูงกว่านี้คือ Lascala, Klipschorn จะใช้ Fully horn ทั้ง Tweeter, Mid range, เบส (เบส horn เรียกอีกอย่างว่า Folded horn เบสมีรายละเอียดที่ดีมากแต่แลกมากับขนาดตู้ที่ใหญ่มากเช่นกัน)
กลางแหลมของ horn ในรุ่นนี้ให้ความชัด เสียงฟังเหมือนหลุดลอยออกจากตู้มาเด้งๆอยู่ในห้องฟัง ดูสมจริง ( live ) ให้ความชัดถ้อยชัดคำขึ้น สมจริง และให้การสวิงเสียงที่มีไดนามิคดี เหมาะกับการฟังเพลงที่ต้องการความเป็น live สูง
ซึ่งสรุปง่ายๆก็คือกลางแหลมมันละเอียด ชัดมากนั่นแหละครับ ผมยืนยันว่าคุณจะไม่ได้บินกลางแหลมที่ชัดแบบนี้ในลำโพงประเภทอื่นอย่างแน่นอนครับ
ยิ่งถ้าเป็นรุ่นสูงๆอย่าง Lascala คุณจะได้กลางแหลมที่ดีขึ้นไปกว่านี้อีกระดับ พริ้ว สวิง และพุ่งออกจากตู้ราวกับไปยืนฟังใน live อย่างใดอย่างนั้นเลย
ตอนที่ผมฟัง Heresy iii, Heresy iv ผมต้องยอมรับว่าเบสมันน้อย ซึ่งห้องผมถูกจริตกับลำโพงบุ๊คเชลฟ์เบสน้อยๆมากกว่าลำโพงตั้งพื้นตัวใหญ่ๆ เพราะสภาพอคูสติกของห้องดูหนังที่ damp ไว้ทั้งห้องทำให้กลางแหลมถูกดูดไปเยอะ ส่วนเบสยังคงอยู่ จึงทำให้การฟังเพลงนั้นมันกุด แห้ง และไม่พริ้ว แต่เบสมักจะเยอะทำให้อวบหนา ทำให้หลายครั้งผมฟังลำโพงบุ๊คเชลฟ์แล้วฟังดีกว่าลำโพงตั้งพื้นรุ่นท๊อป ขอยกตัวอย่าง Kef r3 ที่ฟังในห้องผมให้มิติและรายละเอียดได้ดีกว่า R7, R11 แต่นั่นไม่ใช่เพราะ r3 มันดีกว่า แต่มันแค่ลงได้ไม่ลึกและแสดงปัญหาของห้องออกมาได้น้อยกว่านั่นเอง
และแม้แต่ ls50, ls50 wireless ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นลำโพงที่ให้กลางแหลมดีมากๆตัวนึงในระดับราคานี้ ก็ยังฟังดีกว่า r11 ในบางเพลง แต่ข้อเสียมันคือมันไม่มีเบสพอสำหรับดนตรีบางประเภท (แต่ถ้าฟังเพลงร้อง อคูสติกก็ไม่มีปัญหา)
ดังนั้นสิ่งที่ผมกลัวสุดๆใน cornwall iv คือ เบสมันจะเยอะ จะอวบ หนา อึดอัด ทึบ เหมือนกับที่เกิดใน r11 ที่ผมชอบ r7 และ r3 มากกว่า
แต่หลังจากลองฟังแล้วก็ต้องบอกว่า ไม่ใช่ว่ะ เบสที่เยอะๆของ Cornwall iv ที่กลัวว่ามันจะเยอะจะทึบนั้น มันไม่ทึบ
ซึ่งจริงๆแล้วผมชอบเครื่องเสียง ลำโพงที่มีบุคลิคเปิดเผย ไม่ชอบเสียงหนาอุ่น จะเห็นว่า แอมป์ ลำโพงอะไรก็ดีที่ให้บุคลิคเสียงหนาใหญ่ อิ่มเอิบ มันจะต้องแลกมาด้วยรายละเอียด ปลายแหลม และความโปร่งและเปิดเผยของเสียง และไดนามิคที่ไม่เปรี้ยงปร้าง (ก็มันอ้วนไง ลองนึกถึงคนอ้วนกระโดด กับคนผอมกระโดด และคนหุ่นปกติกระโดด ใครจะกระโดดได้สูงและสวิงกว่ากัน) ดังนั้นก็ไม่แปลกที่ผมจะไม่ชอบแอมป์บางตัวที่เสียงหนาๆ ลำโพงที่เสียงอุ่นๆใหญ่ๆ เพราะลักษณะห้องที่ฟังนั้นมันเป็นแบบนั้น ถ้าเอาอุปกรณ์ที่มีบุคลิคแนวนั้นเข้ามา เสียงก็จะยิ่งทึบไปกันใหญ่
ไม่มีห้องฟังที่ไหน perfect นะครับ เราแค่ต้องหาบุคลิคเสียงที่เหมาะกับอคูสติกห้องเรา แนวเพลงที่เราฟัง และความชอบของเราให้เจอ
ซึ่งเบสของ cornwall iv นี่ต้องบอกว่ามันมาเติมเต็มสิ่งที่ Heresy ขาดได้แบบไม่ต้องพยายามอะไรเลย low end ที่มันเคยไม่มี เวลาฟังเพลง edm,rock ฟังดูโปร่งๆ โล่งๆ โหวงๆ ไม่ว่าจะปรับยังไงมันก็ยังฟังดูโหวงเหวงแบบรู้สึกได้
แต่พอมาเป็น cornwall iv เบสมาเติมและให้ความถี่ที่ขาดหายไป ทำให้ฟังดนตรีที่ต้องการเบสในย่านนั้นฟังดีขึ้นมาได้แบบเด็มๆ
เบสของ cornwall iv ฟาดมาก แรงมาก ถ้าฟังเพลง stereo ต้องบอกว่าไม่ต้องใช้ซับแล้วครับ ถ้ามีการจัดอันดับลำโพงเบสเยอะ และหนัก ผมเชื่อว่า Cornwall iv น่าจะติดโผด้วย
เบสที่ได้มานอกจากเยอะ แต่มีบุคิลที่เร็ว แรง มีไดนามิค และสวิงสูงมาก คือไม่ใช่เบสมีเนื้ออุ้ยอ้าย เนิบๆ แต่เป็นเบสพั๊นซ์เร็วๆ คมๆ แม้จะใช้ดอกขนาดใหญ่ นิ้ว แต่เบสที่ได้ต้องบอกว่า ฟาดแรง เร็ว หนัก ไม่กลบรายละเอียดเบสหลุดออกมาจากตู้ เหมาะกับการฟังดนตรี live ที่มีความสมจริงมากๆ
จุดเด่นอีกอย่างของ Cornwall iv ก็คือความนิ่งของเสียงที่พอได้ตัวตู้ที่มีขนาดใหญ่ Horn ใหญ่ และดอกวูฟเฟอร์ขนาดใหญ่ เพลงเดิมที่เคยฟังใน Heresy ที่เรารุ้สึกว่า เสียงก็มีมวลดีอยู่แล้ว และมีความชัด ใส มีมิติ เปิด กระจ่างที่ดีอยู่แล้ว พอลองมาฟังอีกครั้งใน Cornwall นั้นมันได้ความนิ่งของเสียงที่ดีกว่าเดิมมาก
ความนิ่งที่ว่าคือเรารู้สึกเสียงมันมีสเกลที่ใหญ่ มั่นคง สะอาด สงัด สงบ ในขณะที่ความชัด มิติ รายละเอียดมันไม่ได้ลดทอนลง และเสียงไม่แกว่ง เจี๊ยวจ๊าว ในยามที่เราเปิดดังๆ
เพราะตัวลำโพงมี Head room เหลือเกินที่เราใช้งาน ซึ่งก็เป็นข้อดีของลำโพงใหญ่ครับ
ลำโพงในระดับราคาเริ่มต้นอาจจะให้เสียงที่ดีในบางย่าน เช่นบางตัวอาจจะให้กลางแหลมที่ outstanding มากๆ แต่ขาดเบส เช่น ls50 แต่บางตัวอาจให้เบสที่หนาท้วม แต่ช้าและไปกลบรายละเอียด ซึ่งก็เหมาะกับแนวเพลงบางรูปแบบ
สำหรับ cornwall iv ฝรั่งพูดไว้ว่า มันเป็นลำโพงที่ Tonal balance ดีที่สุดใน Heritage series และฟังสนุกที่สุด
นั่นเป็นเพราะว่า นี่คือลำโพงรุ่นใหญ่ที่สุดที่ยังไม่ใช้เบสแบบ folded horn เพราะกระเถิบขึ้นไปอีกรุ่น ไปที่ la scala เบสจะเป็น folded horn ที่ให้บุคลิคเบสในอีกรูปแบบนึงที่ละเมียดและชวนฝันกว่านี้ ไม่ rock และ live เท่านี้ และที่สำคัญ la scala ลงได้แค่ 51 Hz ซึ่งเราจะเห็นว่า มันไม่เน้นเบส อย่างที่บอกว่าลำโพงที่ดีไม่จำเป้นต้องมีโทนัลบาล้านที่สมดุลเสมอไป แต่ลำโพงที่ดีคือลำโพงที่เราเข้าใจในบุคลิคและจุดเด่นของมันและเราชอบมัน ซึ่ง La Scala อาจจะตอบโจทย์การฟังในอีกแง่นึง และมีจุดเด่นที่เหนือกว่า Cornwall แต่ก็มีบางจุดที่ต้องแลกมานั่นคือเบส
ข้อดี
1. เบส พละกำลังรุนแรง ฟาดหนัก ฟาดแรง เร็ว ลองไปฟังดูเอาเองกันได้เลยครับ เบสของ Cornwall iv เป็นอะไรที่วิเศษ และหาได้ในลำโพงยี่ห้ออื่นไม่ได้จริงๆ
2. กลางแหลม ที่มีรายละเอียด และหลุดตู้ดีในระดับที่ยอดเยี่ยม (จริงๆรุ่นสูงกว่านี้ la scala, klipschorn กลางแหลมดีกว่านี้อีก) แต่แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว ส่วนมิติ sound stage อันนี้แน่นอนอยู่แล้วครับเวทีกว้างมาก แต่ส่วนตัวไม่ค่อยตื่นเต้นและไม่ใช่คนฟังเอา sound stage เท่าไร่ เคยพูดไว้ว่า ถ้ามีลำโพงตัวนึงที่ให้มิติ sound stage ดีมาก ขึ้นรูปวงเป็น 3D เลย ผมจะชอบมั๊ย ก็ต้องตอบว่า ผมดูที่โทนัลบาล้านและแนวเสียง ต่อให้มิติดีแค่ไหน ถ้าเสียงผมฟังแล้วไม่ชอบ มันก็คือไม่ใช่
3. ขับง่าย ลำโพงมีความไว 102 dB สามารถใชแอมป์กำลังน้อยขับได้หลุดครับ
ข้อเสีย
1. ตัวใหญ่ ไม่เหมาะกับห้องเล็ก เพราะมันกินเนื้อที่
2. ราคาค่อนข้างสูงในระดับนึง สำหรับคนที่จะจ่ายซื้อลำโพงในระดับราคา 2 แสนบาท ผมเชื่อว่าในบ้านเราคงเป็นคนที่มีอายุระดับนึง และคนมีอายุก็น่าจะมีความชอบลำโพง และสไตล์เสียงที่มันหวานนุ่มในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่ klipsch ทั้งแนวเพลง และสไตล์รวมถึงแบรนด์
ซึ่งลำโพงเสียงดี ที่มาในแบรนด์ที่เขาไม่ชื่นชอบ ทำอย่างไรเขาก็ไม่เปิดใจ แต่กลับกันลำโพงบางตัวเสียงอาจจะไม่ได้ดีอะไรมาก แต่แบรนด์มันอวดได้ ซื้อแล้วสมกับราคาที่สูงของมัน ผมว่าคนน่าจะยินดีซื้อมากกว่า
คนเราควักเงินซื้อลำโพงราคา 2 แสนกว่า แล้วบอกว่ามันคือ Klipsch ผมเชื่อว่าคนนั้นต้องมี passion กับมันมากพอสมควร
3. หน้าตาที่ดูไม่ค่อยแพงของมัน จริงๆคุณอาจจะชอบและบอกว่ามันสวย แต่ผมต้องบอกว่าหน้าตามันดูไม่สมกับราครา สองแสนกว่าบาทครับ คือคนซื้อต้องชอบลำโพงในสไตล์วิเทจและลุคนี้จริงๆ
สรุป ลำโพง Klispch เป็นลำโพงที่ตอบโจทย์ในแง่ของเสียงที่สมจริง live
ทั้งเบสที่หนัก คม และกลางแหลมของฮอร์นที่หลุดตู้มาก หากนิยามในการฟังเพลงของคุณคือเสียงที่เหมือนไปฟังสด คงไม่มีลำโพงอะไรมาสู้กับ Cornwall iv ได้้อีกแล้วในระดับราคานี้
แต่ถ้าโจทย์ของคุณคืออยากได้เสียงที่ดัดแปลงให้ไม่แตกต่างออกไป มี color ในแบบเดียวเองไม่ว่าจะเป็น แหลมพริ้ว หนานุ่ม ช้าอิ่มเนิบ เพื่อตอบโจทย์ในการฟังในบ้านสบายๆ โดยไม่สนว่า เบสของจริงในดนตรี edm ในผับมันไม่ใช่แบบนี้นะ
หรือเสียงลีดกีตาร์ของนักดนตรีบนเวทีมันต้องชัดและคมกว่านี้นะ และกระเดื่องกลองที่ฟังมันช้ากว่าที่ฟังจริงๆนะ ลำโพง Klipsch คงไม่ใช่เนื้อคู่ของคุณครับ
ถ้าให้นิยามคำว่า Klipsch Cornwall iv มันคื monster ที่เปี่ยมไปด้วยพละกำลัง แข๊งแกร่ง Rockสมจริง เป็น beast ที่แฝงมาด้วยลุคของวินเทจ ที่หลอกให้เราคิดว่ามันคงจะเสียงแก่ๆ ย้วยๆ เก่าๆ แต่ในความเป็นจริงมันเป็นปีศาจที่ใส่สูทที่สุภาพอบอุ่ม นุ่มนวลก็ได้ และก็สามารถแปลงร่างเป็นลำโพง EDM ที่โคดโจ๊ะได้แบบที่คุณหาลำโพงที่ฟังแนวนี้ได้ดีแบบนี้ได้ยากมากๆ เคล็ดลับมันคือ มันเป็นลำโพงที่ให้ความไวสูง มันเป็นลำโพง Horn ที่ให้ความเที่ยงตรง ป้อนอะไรเข้าไปก็ให้เสียงแบบนั้นออกมา
ถ้าคุณชอบเบสคมๆ สนุกๆ เหมือนเบสใน live กลางแหลมที่สวิง dynamic ดีๆ หลุดตู้ ก็สามารถปรับจูนให้ฟังสนุกได้หากใช้ amp Solid State ดี หรือหากอยากเนิบๆฟังสบายๆ อุ่นๆ ก็สามารถเติมบุคลิคด้วยหลอด และไวนิลเข้าไปก็ทำได้ เพราะลำโพงมีความไวสูง อย่าลืมว่าเสียงที่ออกมาถึงหูเราไม่ใช่เสียงจากลำโพงเพียงอย่างเดียว
แต่มันคือเสียงของอตูสติกห้อง ลำโพง แอมป์ ปรี dac และต้นทางที่เราเล่นด้วย ไม่ใช่ว่าลำโพงคู่เดียวกันจะต้องเสียงแบบนี้ในทุกๆห้อง แต่มันต้องอยู่ที่ matching ความชอบ และอุปกรณ์ต่างๆรวมถึงสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือห้องฟังครับ
และ Cornwall iv นี่ตอบโจทย์จุดด้อยในการฟังของห้องดูหนังของผมได้ และตอบโจทย์การฟัง ความชอบในการฟังดนตรีที่หลากหลายได้ดี
หากจะมีใครถามผมว่าลำโพงที่ rock และ live ที่สุดเท่าที่จะหาซื้อได้คืออะไร ผมคงจะตอบว่า Cornwall นั่นเองครับ
ถ้าให้นิยามลำโพงตัวนี้สั้นๆ ผมคงไม่มีจะพูดมากไปกว่า
Fast, Accurate, Powerful and Great american speaker