เสือบาดเจ็บลำปางตายแล้ว ผู้เชี่ยวชาญชี้วิถีแห่งเสือต้องเดิน เป็นบทเรียนยิ่งใหญ่

วันที่ 18 มกราคม นายชนมภูมิ จอมทัน ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์(สบอ.)ที่ 13 สาขาลำปาง กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ทางส่วนงานอนุรักษ์สัตว์ป่า ได้รับรายงาน ว่า เสือโคร่ง อายุประมาณ 1 ปีกว่า เพศผู้ น้ำหนักตัว 150 กิโลกรัม ที่เคยบาดเจ็บอยู่ในไร่มันริมถนนสายลำปาง – ตาก เขต ต.แม่ถอด อ.เถิน จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา และ เจ้าหน้าที่ได้เข้าช่วยเหลือ และส่งไปรักษาที่สถานีอนุรักษ์สัตว์ป่าห้วยยางปาน อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ซึ่งหลังคณะสัตวแพทย์ ทำการช่วยเหลือนานกว่า 1 สัปดาห์ขณะนี้ได้เกิดตายลงแล้ว ขณะจะนำตัวไปรักษาต่อที่ไนท์ซาฟารี จ.เชียงใหม่ เนื่องจากบาดแผลเกิดอักเสบ และคาดว่าจะติดเชื้อ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระสุนปืนลูกซองยิงเข้าใส่ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ทำการเอกซเรย์ดูพบว่ามีกระสุนลูกปราย จำนวน 7 เม็ด ถูกทั่วไปตามขา ลำตัวด้านท้าย และสะโพก ซึ่งบริเวณสะโพกท้ายถือว่ามีบาดแผลที่ใหญ่สุด

นายชนมภูมิ กล่าวว่า ทางส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สบอ.13 จะรอหนังสือรายงานผลการรักษา และการตายของเสือจากสถานีอนุรักษ์สัตว์ป่าห้วยยางปาน อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ เข้ามา จากนั้นจะรวบรวมเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ฝ่ายกฏหมายนำเข้าเข้าแจ้งความกับทาง สภ.เถิน อ.เถิน จ.ลำปาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พบเสือบาดเจ็บหลังถูกยิง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนหาตัวคนยิงมาดำเนินคดี เพราะเสือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ที่ห้ามล่า หรือพยายามล่า ห้ามค้า ห้ามนำเข้า หรือส่งออกเสือโคร่ง ซึ่งกรณีที่มีคนยิงเสือก็จะต้องสืบสวนนำตัวมาทำการสอบสวนถึงสาเหตุที่ยิง จนทำให้เสือบาดเจ็บ และตายลง

ด้านนายศักดิ์สิทธิ์ ซิ้มเจริญ หัวหน้ากลุ่มงานวิจัยสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ที่เสือตาย แต่สิ่งที่กรมอุทยานฯได้รับจากเสือตัวนี้ ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องความเสียใจและเสียดายเท่านั้น แต่ทำให้ได้เรียนรู้ และสามารถสร้างความตระหนักที่มีต่อการอนุรักษ์เสือได้มากในระดับหนึ่ง

“ผมยืนยันว่าการที่เสือต้องออกเดินทางเมื่อถึงเวลาของมัน เป็นวิถีชีวิต ต้องไปหาอาณาจักรของตนเอง บางตัวโชคดี เดินไปยังเส้นทาง ที่เข้าสู่ป่าอนุรักษ์ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้จนสิ้นอายุขัย บางตัวโชคร้าย เหมือนเจ้าตัวนี้ ที่เดินไปใกล้ในถิ่นที่ใกล้กับถิ่นที่อยู่ของคน แต่ถามว่า เมื่อพวกมันต้องเดิน มันจะรู้หรือไม่ว่าต้องเดินไปที่ไหน ตอบว่า ไม่มีเสือตัวไหนรู้ มีทางให้เดินมันก็จะเดินไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้เจออาณาจักรที่มันรู้สึกว่าเหมาะสมกับตัวเอง เป็นวิถีแห่งเสือโคร่งในธรรมชาติ กรณีที่เกิดขึ้นนี้แม้เราเสียเสือตัวหนึ่งไป แต่ผมมั่นใจว่า สิ่งที่จะได้กลับมาก็คือ ทำให้คนในพื้นที่นั้นมีความตื่นตัว และตระหนักในเรื่องการอนุรักษ์เสือในธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ผมไม่อยากจะโทษใคร แม้กระทั่งชาวบ้านที่ยิงเสือ เพราะค่อนข้างเชื่อว่า นี่ไม่ใช่การล่า แต่อาจจะเป็นเรื่องการป้องกันตัว หรืออะไรก็ไม่ทราบ”นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าว

Advertisement

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่า ในพื้นที่ดังกล่าวยังมีเสืออีกตัว เพราะชาวบ้านเห็นร่องรอย นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า ซากวัวที่ชาวบ้านเห็นว่ามีรอยถูกกัดแทะนั้นไม่น่าจะใช่รอยกัดแทะของเสือโคร่ง เพราะโดยพฤติกรรมของเสือโคร่งแล้วจะกัดแทะเหยื่อจากบริเวณกระดูกชายโครงก่อน ไม่ใช่กัดจากด้านใน ทั้งนี้ ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าวัวตัวที่ตายนั้น ตายก่อนแล้วมีสัตว์ไปแทะซาก หรือโดนสัตว์อื่นฆ่าตาย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image