May 11, 2015

Crown of Midnight (Throne of Glass #2)



ชื่อเรื่อง Crown of Midnight
จากชุด Throne of Glass
ผู้แต่ง Sarah J. Maas
วรรณกรรมเยาวชน แฟนตาซี
สำนักพิมพ์ Bloomsbury USA Childrens

เรื่องย่อ

"A line that should never be crossed is about to be breached.

It puts this entire castle in jeopardy—and the life of your friend."


From the throne of glass rules a king with a fist of iron and a soul as black as pitch. Assassin Celaena Sardothien won a brutal contest to become his Champion. Yet Celaena is far from loyal to the crown. She hides her secret vigilantly; she knows that the man she serves is bent on evil.

Keeping up the deadly charade becomes increasingly difficult when Celaena realizes she is not the only one seeking justice. As she tries to untangle the mysteries buried deep within the glass castle, her closest relationships suffer. It seems no one is above questioning her allegiances—not the Crown Prince Dorian; not Chaol, the Captain of the Guard; not even her best friend, Nehemia, a foreign princess with a rebel heart.

Then one terrible night, the secrets they have all been keeping lead to an unspeakable tragedy. As Celaena's world shatters, she will be forced to give up the very thing most precious to her and decide once and for all where her true loyalties lie...and whom she is ultimately willing to fight for.

REVIEW

เซเลน่าสังหารเป้าหมายของเธอตามคำสั่งของพระราชา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะลงมือฆ่าคนจริงๆ เซเลน่ามีความลับบางอย่างที่ต้องปกปิด เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นในปราสาทอีกครั้ง เซเลน่าก็ได้รับคำเตือนให้คอยตามสืบการเคลื่อนไหวของราชาให้ดี ก่อนที่หายนะครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น ไหนจะยังมีเรื่องที่ทำให้เซเลน่าต้องเดินทางไปพบเพื่อนเก่าอย่างอาเชอร์และสังหารเขาอีก เซเลน่าจึงสบโอกาสที่จะล้วงความลับและแผนการณ์ของพระราชามาจากเขาให้ได้มากที่สุด

ความลับอันน่าตกใจถูกเปิดเผยว่ายังมีกุญแจทั้งสามดอกที่จะนำไปสู่โลกใหม่ซึ่งไร้ทรราชย์อย่างพระราชาองค์ปัจจุบัน แต่โชคร้ายที่เขาก็ครอบครองกุญแจนั้นไว้ก่อนที่เซเลน่าจะรู้ตัวเสียอีก ทำให้เขามีพลังอำนาจหรือแผ่นดินอื่นๆและสามารถยึดครองมาได้อย่างง่ายดาย จนกระทั่งเนฮีเมีย เจ้าหญิงแห่งเอลเวย์และเพื่อนสนิทของเซเลน่าถูกสังหารอยู่บนเตียงนอนของเธอ นั่นทำให้ความรักที่เซเลน่าเพิ่งบ่มเพาะกับเคออลพังทลายลงต่อหน้าต่อตา เธอโทษเขาที่เป็นต้นเหตุไม่ยอมบอกเธอว่าเจ้าหญิงตกอยู่ในอันตราย เซเลน่าจึงตามไปแก้แค้นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยความโกรธเกรี้ยว

เซเลน่าค้นพบทางเดินลับในห้องสมุดที่นำเธอไปพบกับความลับในหอนาฬิกา รวมถึงอสุรกายน่ากลัวที่ซ่อนตัวอยู่ข้างใน ดอเรียนค้นพบความสามารถของตัวเองว่า

เขาสามารถใช้เวทมนตร์ได้ นั่นจึงเป็นสิ่งที่น่าตกใจซึ่งเขาก็ไม่รู้คำตอบเช่นเดียวกัน จนกระทั่งเซเลน่าตัดสินใจเปิดประตูมิติเพื่อที่จะทำให้เธอได้เอ่ยคำลากับเนฮีเมียอีกครั้ง โดยหารู้ไม่ว่านั่นเป็นการปลดปล่อยอสุรกายตัวหนึ่งออกมาจากอีกฝั่ง ดอเรียน เคออล และเซเลน่าต่างต่อสู้สุดตัว จนกระทั่งเซเลน่าเปิดเผยตัวเองให้เคออลได้รับรู้ว่าเธอสามารถกลายร่างเป็นเฟย์ได้

หลังจากนั้นเคออลที่รักเซเลน่าหมดหัวใจก็ตัดสินใจส่งเธอกลับไปยังเวนด์ลิน ที่ซึ่งเผ่าพันธุ์ของเฟย์อาศัยอยู่เป็นที่หลบภัย โดยอ้างกับพระราชาว่าเขาตั้งใจให้เซเลน่าแฝงตัวไปเป็นไส้ศึก โดยเหตุผลที่แท้จริงก็คือเขาต้องการให้เธอปลอดภัย เมื่อเซเลน่าเดินทางขึ้นเรือออกไปแล้ว เคออลก็ค้นพบความจริงอันยิ่งใหญ่ว่าเซเลน่าคือ...เจ้าหญิงเอลินแห่งเทอราเซนที่หายตัวไปนั่นเอง และเธอนี่แหละที่จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะโค่นล้มบัลลังก์แห่งอดาร์เลนลงมาได้

..............................................................

อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ ความตื่นเต้น และการแก้ปริศนาที่ประดังเข้ามาในช่วงหลังๆจนทำเอาเราหายใจหายคอไม่ทัน ช่วงครึ่งแรกของหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างจะเอื่อยๆ ให้อารมณ์เดียวกับเล่มที่แล้ว แต่ช่วงหลังๆนี่สิ คือสิ่งที่เราคิดไว้และเขียนรีวิวเอาไว้ตั้งแต่เล่มแรกว่าเราอยากให้เนื้อเรื่องของ ToG มันออกมาในทางนี้ ซึ่ง CoM เล่มนี้...ราวกับผู้แต่งรู้ว่าเราคิดอะไรอยู่ เธอจึงยัดความคาดหวังทั้งหมดทั้งมวลของเราใส่ลงไปในหนังสือช่วงท้ายๆ ซึ่งบอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากมายกับการทนอ่านเนื้อเรื่องหนาๆที่มีแต่น้ำไปครึ่งเล่ม คือถ้าใครที่อ่านครึ่งแรกแล้วเบื่อแล้วเซงเหมือนกับเรา เราอยากให้คุณฝืนอ่านต่อไป พอผ่าน 50-60% ไปแล้ว เรารับรองว่าจะลุ้นตัวไม่ติดเก้าอี้แน่นอน (ยิ่งฉากที่ผจญภัยในทางเดินใต้ดินนี่นะแบบ...บิวต์จนเราเกร็งตัวตามเลย 555)

ตัวละครมีมิติมากขึ้น พัฒนามากขึ้น หนักแน่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แรงจูงใจของตัวละครก็เด่นและดูเรียลมากพอที่จะช่วยเสริมให้เนื้อเรื่องมันยิ่งดีขึ้นไปอีก ดีขึ้นเรื่อยๆ จนตอนท้าย...แม้ว่าเรา(และใครอีกหลายคน)จะพอเดาได้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร แต่ภาษาของ Maas มันทำให้หัวใจเราเต้นแรงคล้ายกับเสียงรัวกลอง ลุ้นจนบรรทัดสุดท้ายคำสุดท้าย อ่านจบต้องตบเข่าต้องเองป๊าบๆๆๆๆว่าทำไมถึงสะใจมากขนาดนี้ โดยส่วนตัวเราให้คะแนนในช่วงครึ่งแรกของนิยายเล่มนี้แค่ 3 ดาว แต่ในช่วงท้ายทุกอย่างมันพีคขึ้น พีคขึ้น จนเราให้คะแนนตรงส่วนนี้ 5 ดาวเต็มๆไปเลย

เราสงสารเคออลประหนึ่งชนิดที่อยากจะเดินเข้าไปในหนังสือแล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ อยากจะร้องเพลง ขอเจ็บแทน ของพี่แบงค์วงแคลช ... "เปลี่ยนได้ม้ายยยย ขอเป็นคนที่โดนทอดทิ้งงงงง" คือทำม๊ายยย ต้องทำร้ายกันขนาดนี้ แต่วินาทีนี้บอกเลยว่าอยากให้บทสรุปของนิยายเล่มนี้เป็นเหมือนกับชุด The Infernal Devices เลือกไม่ได้ก็ควบสองไปเลยละกัน อิอิ แต่ตอนนี้ขอ #ทีมดอเรียน กับ #ทีมเคออล เลยละกันเลือกไม่ถูก อ้อ #ทีมน้องหมาด้วย น้องหมาในเรื่องนี้น่ารักอ่ะ >.<

รู้สึกว่าสเกลนิยายชุดนี้เริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ ไม่แน่ใจอนาคตอาจจะซับซ้อนและกว้างใหญ่พอๆกับ Games of Throne เลยก็ได้มั้ง ใครจะไปรู้... ดูท่าอนาคตจะไปได้ไกลแน่ๆ ถึงเล่มแรกจะทำให้เรารู้สึกเฉยๆ แต่เล่มนี้ก็จุดประกายความอยากอ่านของเราขึ้นมาได้แล้วนะ ^.^

คะแนน 8/10

No comments:

Post a Comment